Thailand MonsoonSIM Content by P3Y Academy
MonsoonSIMTH
  • THAILAND MonsoonSIM
    • TH MonsoonSIM Product & Service >
      • MonsoonSIM Users/Customers ในประเทศไทย >
        • ความเห็นของนักศึกษาที่ได้ใช้ MonsoonSIM
    • ข่าวสาร TH MonsoonSIM
    • TH Monsooner Library >
      • V10 Learner Guide >
        • Newly User Guide
        • Finance Measurement BI & Analytics Guide >
          • MSIM x Data Analytics >
            • Download
        • Sales and Marketing Guide
        • Management Guide
      • ชุดความรู้จาก MonsoonSIM >
        • MSIM DAILY WORD with COSCI SWU >
          • MSIMTH COSCI SWU Dailyword
      • V9 MSIM QuickGuide >
        • V9 USER MANUAL & Content
    • TH Facilitator Library >
      • Facilitator Quick Guide V9
      • CT Manual and Tools V9
      • CT Clips Manual V9 >
        • Basic Game setup, Tools and Tips
  • SPECIAL ACTIVITIES
    • 2023 Trial Subscription Program
    • COMPETITION >
      • TH Business Data Analytics & Data Visualization
      • TH ERM LEAGUE >
        • TH ERM LEAGUE 2021 >
          • Candidate THERML 2021
        • TH ERM LEAGUE 2020 >
          • English Presentation Clip
          • MSIM TH LEAGUE 2020
        • TH ERM Challenge 2019 >
          • ผลงานรอบ English Presentation Clip
          • การโต้วาที ใน Semi-Final
        • TH ERM Challenge 2018 >
          • Judges of TH ERM Challenge 2018
          • ผลงานรอบ English Presentation
          • ผลงานรอบนำเสนอ SME CASE
          • FAQ About TH ERM Challenge 2018
          • Download
        • TH ERM Challenge ๒๐๑๗ >
          • คำปรารภจากใจผู้จัดการแข่งขัน
          • ผู้สนับสนุนการแข่งขัน
          • กรรมการรับเชิญของการแข่งขัน TH ERM Challenge ๒๐๑๗
        • TH ERM Challenge 2016 >
          • ประสบการณ์ของ TH Monsooner รุ่น 1
      • MERMC >
        • MERMC 2022
        • MERMC 2020
        • MERMC 2019
        • MERMC 2018
        • MERMC 2017 >
          • Competition Quick Information
          • Judges of MERPC
          • Update News about MERPC 2017
        • MERMC 2016
    • MonsoonSIM Freshman >
      • MSIM Freshman 2021
      • MSIM Freshman 2020
    • Donation Workshop >
      • Donation Workshop 2023
      • Donation Workshop 2021 >
        • Q4 2021 Donation Workshop
        • Q3 2021 Donation Workshop
        • Q2 2021 Donation Workshop
        • Q1 2021 Donation Workshop
      • Donation Workshop 2020 >
        • Q4 2020 Donation Workshop
        • Q3 2020 Donation Workshop
        • Q2 2020 Donation Workshop
        • Q1 2020 Donation Workshop
    • MSIM TH SEMINAR >
      • 2023 Education Transformation in Business Data Analytics
      • 2020 K-Practice
      • 2016 Series
      • 2017 Series >
        • Related Topic to Seminar Theme
        • Summay and Download
      • League of TH Education Transfornation >
        • Round Table for TH Education Transformation
        • Clip to Lecturer
    • MSIM CONFERENCE >
      • MSIM CONFERENCE 2019
      • MSIM CONFERENCE 2020
  • Sharing Index
    • BLOG
    • Article by MonsoonSIM TH
  • Contact us

แบ่งปันเทคนิคในการรันคลาสจากประสบการณ์ MSIM Conceptual Class

9/24/2018

0 Comments

 
Picture
       ผมคิดอยู่นาน ก่อนที่จะเขียนเรื่องนี้ในการแบ่งปันประสบการณ์ เพราะว่า ผมไม่มีนักศึกษา หรือนักเรียนเป็นตัวตน แบบที่ท่าน CT มี ผมมีเพียงนักศึกษาชั่วคราวซึ่งจะใช้เวลาร่วมกันประมาณ 4-8 หรือ 12 ชม. ตามแต่ที่สถาบันการศึกษาจะจัดเวลาไว้ให้  โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือ ให้เขาเข้าใจพื้นฐานของการบริหารธุรกิจ การจัดการด้านต่างๆ ได้ในเวลาจำกัด และ ที่มุ่งมันให้เขาเป็น "ผู้รู้จักวิธีเรียนเพื่อรู้และทำงานให้เป็น" ไม่ใช่ "นักเรียน" ทั่วไปที่จะรอว่าครูอาจารย์จะสอนอะไร หากไม่สอน ไม่บอกก็จะไม่เรียน  ผมเกรงว่าหากแบ่งปันประสบการณ์ที่ตัวเองมี มันจะเป็นการสอนหนังสือสังฆราช ตามภาษิตของไทย แต่สังฆราชย่อมมีวันตายเป็นของธรรมดาจริงมั้ยครับ  เรื่องเล่านี้เป็นเทคนิค จากที่ได้ลองผิดลองถูกมาเป็นเวลาประมาณ 4 ปี ผ่าการทดลองที่หลากหลาย ซ้ำไปซ้ำมา ทว่าอยู่ในบริบทของการรันคลาสในเวลาจำกัด และเป็นการรันคลาสในช่วงเวลาสั้น ๆ ซึ่งมีวัตถุประสงค์แน่นอนตามที่กล่าวไว้เบื้องต้น ตั้งแต่คลาสที่มีแต่ด๊อกเตอร์ล้วนๆ, นศ.ป.เอก, นศ.ป.โท, นศ.ป.ตรี จนกระทั่งถึงนักเรียนชั้นประถมศึกษา ทั้งภาษาไทย, ภาษาอังกฤษกับคนไทยในคลาส Inter และภาษาอังกฤษในนักศึกษาต่างชาติ จึงนำมาแบ่งปันกันให้ท่าน CT เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับท่านครับ 
        ทุกเรื่องได้วางสมมติฐานเอาไว้ หากท่าน "ไม่ทน" ต่อสมมติฐานเหล่านี้ แนะนำว่าไม่ต้องอ่านผลของมันครับ 
        ขอขอบคุณภาพประกอบจากแหล่งต่าง ๆ ใน Internet ภาพของท่าน  หรือผลิตภัณฑ์ของท่าน มีส่วนช่วยให้ CT เป็น Facilitator ที่ Powerful เพื่อให้ท่านใช้เครื่องมือได้อย่างสร้างสรรค์ และเกิดประสิทธิภาพสูงที่สุด

Picture
เทคนิคแรก: เวลาที่จำกัด Time Forcement
สมมติฐาน:
       เมื่อเวลาถูกจำกัด กับกิจกรรม หรือ เนื้อหาที่เหมาะสม การจำกัดเวลาจะสร้างผลบวก ทว่าหากการจำกัดเวลา ไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และปริมาณของเนื้อหา สิ่งที่ตามมาคือ เท่าทุน หรือมีผลร้ายมากกว่าผลดี
​
เครื่องมือ:  Online Countdown timer (แนะนำ
http://www.timer-tab.com)

การปรับใช้เทคนิคนี้กับวัตถุประสงค์ต่าง ๆ
  • การสร้างความตรงต่อเวลา  ก่อนเริ่มกิจกรรม ผมจะตั้งเวลา แล้ว On Screen โดยใช้หลักการของ Timeing Kanban เพื่อนับถอนหลังของการเริ่มต้น โดยผสมกับ Function Locekd registration ใน MonsoonSIM  ทำแบบนี้ซัก 1-2 ครั้ง โดยครั้งแรกให้อะลุ่มอล่วย ครั้งที่ 2 ให้เกิด commitment ในกรณีที่นักศึกษาสาย ครั้งที่ 3 ให้ CT ตัดใจ ตัดทิ้ง ผลที่ได้รับ นักศึกษาจะเตรียมตัวล่วงหน้า และท่านเองก็สามารถแนะนำเรื่องการบริหารเวลา และ Lead Time ไปด้วย 
  • การทำ Group Brainstroming เพื่อบังคับให้นักศึกษาแสดงแนวคิด หรือ เร่งหาโซลูชั่นในเวลาที่จำกัด วิธีนี้ ผมจะใช้บ่อย เมื่อเพิ่มตัวแปร หรือ กำหนด task ใหม่ให้นักศึกษา โดยมักจะตั้งเวลาประมาณ 3 นาที เพื่อให้นักศึกษากระตือรืนล้น และ ก่อนท่านจะเริ่ม หากท่านยังมีเวลา ให้ถามว่า เขาต้องการเวลาเพิ่มในการปรึกษาหรือไม่ หากท่านมีเวลา ก็ให้เขาเพิ่ม ท่านมักจะได้คำถาม ที่นักศึกษาไทยไม่กล้าถาม หลังจากที่ได้ทบทวนกับกลุ่มเพื่อนนักศึกษาด้วยกัน เป็นโอกาสที่ CT จะฉวยไว้ในการอธิบาย อาจร่วมกับเทคนิคอื่น ๆ จะได้ผลดียิ่งขึ้น 
Picture
เทคนิคที่ 2: ยอมเสียเวลาเพื่อสร้าง Engagement โดย Class Rules ในช่วงแรก หรือครั้งแรก 

​สมมติฐาน:
  • การยอมสละเวลาใน "ครั้งแรก" "5-10 นาทีแรก" ในการสร้างกติกา เพื่อ Class Engagement เป็นเรื่องที่ "คุ้มค่า" ยิ่ง
  • สิ่งนี้ทำได้เพียง "คร้ังแรก" ของคลาสเท่านั้น ทำหลังจากนี้ไม่ได้ผล เพราะท่านได้ยอมให้นักศึกษา Over rules ไปแล้ว 

      ในหลายครั้ง หากมีเวลา และถึงแม้นว่าไม่มีเวลา สิ่งที่ผมจะเป็นประจำ คือ การใช้เวลาที่ "ควรค่า" แก่การสละ เพื่อการตั้งกติกาของชั้นเรียน และมันได้ผลดี ลองคิดว่า นักศึกษานักเรียนที่เข้ามาในห้องครั้งแรก หลังจากที่เห็นการตั้งเวลานับถอยหลังการเริ่มชั้นเรียน ในสมองของเขาจะเห็นว่า ท่านให้ความสำคัญเรื่องเวลา ผมนำหลักการเดียวกันนี้ของการเรียนรู้ของสมอง และหัวใจมาตั้งกติการของชั้นเรียนดังนี้ 
  • ให้ตรงต่อเวลา โดยบอกว่าเวลา "เริ่ม" และ บอกเวลา "เลิก" ให้ชัดเจน เช่น ผมจะบอกเลยว่า เบรกเวลาใด กี่นาที (และแน่นอน ใช้ Timer Kanban ร่วมด้ววย เพื่อย้ำว่าท่านซีเรียสเรื่องเวลา)
  • ให้หยุดเมื่อได้ยินเสียงไมโครโฟน และ ให้คุยกันในเวลาที่สิ้นเสียงไมโครโฟน เนื่องจาก MonsoonSIM Class เป็น Workshop หรือ ชั้นเรียนที่ต้อง Discussion กัน เสียงขอนักศึกษาจะหยุดได้ยากมาก หากไม่ตกลงกติกากันไว้ก่อน
  • You Jump I Jump, You quit I stop เป็นคำที่บอกว่า ผู้สอนจะตั้งใจหากผู้เรียนยังตั้งใจ เพื่อยังคงให้เกิด Enegagement (บางครั้งคลาสต้องมีดราม่าบางครับ)
  • ให้ใช้เนตใช้มือถือได้ตามใจ ในยุค 4G ท่านจะไปห้ามเขาก็ไม่ได้ ก็ส่งเสริมให้เขาใช้เสียเลย โดย แนะนำว่าให้หาข้อมูลออย่างไร (ท่านใช้โอกาสในี้ในการสอนหารหข้อมูลแบบ Power User ได้ครับ) หรือ บางครั้ง และบ่อยครั้ง ถ้ามีเวลา ผมสร้าง Community ผ่าน Social Media Platform ครับ เพื่อใช้ประโยชน์อื่น ๆ เช่น ส่งข้อมูล ส่งไฟล์ ส่ง Capture Screen ในกรณีที่ห้องเรียนมีโสตทัศนูปกรณ์ที่ไม่เอื้อต่อการใช้เรียนใช้สอน เช่น LCD ยุคไดโนเสาร์ที่หลังห้องมองไม่เห็น ความสว่างใช้ไม่ได้ ตามหลัก คนซื้อไม่ได้ใช้ คนใช้ไม่มีเาียงในการซื้อแบบประเทศไทย ผมจะได้สื่อสารกับนักศึกษาที่ไม่กล้าถามในห้องได้อีกทางหนึ่ง 
  • จะได้คำตอบ เมื่อได้คำถาม กติกาข้อนี้มีความประสงค์ให้นักศึกษาตั้งคำถาม และมีส่วนร่วมในคลาสเรียน หรือ workshop ผ่านกระบวนการถาม โดยส่วนมากหากมีเวลา ผมจะ "รำ" เรื่อง 5WXH (ให้ใช้ควบกับเทคนิคต่อไป) โดยจะแนะนำให้ช่วยตัวเอง จากการ ถาม Google, ถามเพื่อน หากไม่ได้คุถามจึงใไ้ถาม CT (และแน่นอน ผมแนะนำอาจารย์ CT ซึ่งให้ acting เป็น Facilitator ว่า ให้ตอบคำถามด้วยคำถามครับ)
Picture
เทคนิคที่ 3: ดักคอล่วงหน้า

​สมมติฐาน:  

       การดักคอเพื่อไม่ให้บางเรื่อง "เกิด" ในชั้นเรียน ท่าน CT สามารถคาดเดาได้จากประสบการณ์อยู่แล้ว ว่าการดำเนินคลาสจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ท่านอาจจะใช้การดักคอนักศึกษาในเรื่องที่จะเกิดขึ้นแน่ ๆ เพื่อ ให้  "ละเว้น" หรือ ห้ามปราม หรือ และการอำนวยคลาส หรือ การเรียนในมุมที่ท่านประสงค์จะให้เกิด

ตัวอย่างการดักคอ:
  • เรื่อง การถามคำตอบโดยไม่ต้องสนใจว่า เพื่อนรอบข้างจะล้อเลียนผู้ถามหรือไม่ เพื่อเป็นการ Ice-Breaking ให้นักศึกษากล้าที่จะถามในเรื่องที่ตนสงสัย การดักคอ นักศึกษาจะไม่กล้าถามด้วยเหตุผล เช่น เคยถามแล้วทว่าถูกครูอาจารย์ต่อว่า บางครั้งเด็ก ๆ มีสมาธิสั้น หรือไม่ได้ฟังจริง ๆ ท่านต้องเข้าใจเขา, ถามแล้วถูกเพื่อนล้อเลียน ว่าทำไม เรื่องแค่นี้ไม่รู้ หรือ ถามแล้วจะดูโง่ในสายตาเพื่อน การดักคอเหล่านี้ ผมทำประจำก่อนเริ่มคลาส เพื่อกระตุ้นให้ถาม และ CT จะต้องตอบคำถม และชื่นชมผู้ถามด้วยหากมีโอกาสเสมอ
  • เรื่องการไม่กล้าทดลอง เพราะว่า เด็กและเยาวชนไทย ถูกสอนให้ทำแต่เรื่องที่ "มีผลลัพท์ทางบวก" และสอนให้เยาวชนเสพติด "ความถูกต้องที่ผุ้สอนถูกใจ" ทว่า การเรียนรู้จาก "ความไม่สำเร็จ ความผิดพลาด ความไม่สมบูรณ์" ต่างหาก จะเป็นการเรียนรู้ที่เกิดประโยชน์โดยแท้จริง ผมจะต้องดักคอว่า "ไม่ต้องกลัวเจ๊งในเกม ถ้าเจ๊งจะเริ่มใหม่ ในครั้งแรก" และให้ ยกตัวอย่างความผิดพลาด พร้อมให้นักศึกษาช่วยกันหาสาเหตุของความผิดพลาดร่วมกัน ถ้าไม่ดักคอไว้ นักศึกษาจะไม่ลองอะไรบนความเสี่ยงเลย และก็มันจะไม่เรียนรู้อะไรเลย 

หมายเหตุ: โปรดอ่านการขุดหลุ่มล่อ
Picture
เทคนิคที่ 4: การอำนวยชั้นเรียน  = การแสดง ต้องมี Hit Point  Facilitator คือ Conductor  
Related Topic: F Methodology

      ไม่มี "ผู้สอน" หรือ "อาจารย์" เมื่อไม่มีผู้เอาแต่สอน (ในสิ่งที่เชื่อ) ก็จะไม่มีผู้รอเรียน และแก้ปัญหา ไม่สอนก็ไม่เรียน ไม่มีคะแนนก็ไม่ทำ ผู้เขียนแนะนำให้ ท่าน CT เป็น FACILITATOR เพื่อ Facilitate ชั้นเรียน (ขออนุญาตไม่แปลคำว่า Facilitator) ผู้เขียนทำงานสัมมนาหนึ่งในปี 2017 ในมีผู้ถามคำถามว่า Teacher/Lecturer ต่างกันอย่างไรกับ Facilitator ผมได้ตอบไปว่า Teacher/Lecturer จะ devliver สิ่งใด ๆ ด้วยวิธีที่ตนเองเข้าใจ สบายใจ เชื่อ และศรัทธา ซึ่งมันอาจจะเป็นการ "จำกัด" วิธีการเรียนรู้ในมุมอื่น ๆ หรือบางครั้งถูกตัดสาระซึ่งสำคัญแต่ ผู้สอนไม่ซื้อไอเดียนั้นออกไป  ขอให้ท่านเป็นผู้ Facilitate ตามสถานการณ์ให้ผู้ที่เป็น Learner ได้เห็นความหลากหลายและเลือกใช้เมื่อเหมาะสมกับสถานการณ์ 
      ผมจึงใช้คำว่า การอำนวยคลาส คือ "การแสดง" แบบหนึ่ง ซึ่ง Facilitator เป็นผู้ดำเนินเรื่อง และสร้างบรรยากาศในการเรียนรู้เนื้อหาต่าง ๆ ด้วยกระบวนการต่าง ๆ ไม่ใช่การสอน การใช้ powerpoint แบบเดิมแบบเดียว การแสดงจะต้องมี "บท" ซึ่งบทจะต้องมี Hoit Point ในแต่ล่ะช่วงแต่ละตอน ที่คลี่คลายไป คลาย ๆ กับ การดำเนินเรื่องในละคร ทั้งนี้ยังต้องมี "สภาพแวดล้อม" ​ซึ่งหากรอการสร้าง คงไม่ไหว ผู้อำนวยคลาส จะต้องเสาะหาวิธีสร้างสิ่งแวดล้อมในชั้นเรียนบนความจำกัด ตามสถานการณ์ และ "เครื่องมือ" ที่จำเป็น ซึ่งมีจำกัด แต่ไม่ได้จำกัด "จินตนาการ" ของผู้อำนวยชั้นเรียน 
      ท่าน CT จะต้องเป็นศิลปิน ผู้กำกับ นักแสดง ในละครเวที (ชั้นเรียน) ของท่าน เมื่อเห็นปฏิกิริยาของผู้ชม (นักเรียน) บางครั้งต้องด้นสด และขวมดให้กลับมาในบทหลักที่วางไว้ ฉันใดฉันนั้นครับ
Picture
เทคนิคที่ 5: ชื่นชมออกสื่อ ตำหนิส่วนตัว ด่า (ด้วยความปราณี) เมื่อจำเป็น

สมมติฐาน:
     ไม่มีใครอยากถูกตำหนิในที่สาธารณะ และทุกคนอยากได้คำชื่นชมในที่แจ้ง ทว่าในบริบทของสังคมไทยนั้น "ทำกลับข้างกัน" และไม่เว้นแม้แต่ในห้องเรียน  ในชั้นเรียนในประเทศไทย เด็กเก่งและเด็กดีของอาจารย์ จะถูกชื่นชม ซึ่งเป็นส่วนน้อย เด็กหลังห้องที่ไม่มีโอกาสจะเก่ง หรือดีในสายตาของ Typical อาจารย์ จะถูกตำหนิออกสื่อ บรรยากาศนี้หากท่านไม่ชอบในชีวิตการทำงาน นักเรียนนักศึกษาก็ไม่ชอบในชีวิตการเรียนเช่นกัน

คำแนะนำจากประสบการณ์:
  • ผมจะชมออกไมโครโฟน ในเวลาที่นักศึกษารายใด ๆ ถามคำถาม ซึ่งถึงแม้นว่าจะเป็นคำถามไม่จะต้องตอบซ้ำเป็รบางเรื่อง การที่ข้อมูลเปี่ยมล้น กับสมาธิแสนสั้นมันสวนทางกันเป็นเรื่องปรกติ การชืนชมที่เขาตั้งคำถาม จะช่วยให้คนอื่นๆ กล้าถามเช่นกัน ท่านจะได้ Interactive Class มากขึ้น
  • ผมจะชื่นชมเมื่อเด็ก ๆ ทั้งทำผิด และทำถูก เพื่อให้ คนทำผิดเองเรียนรู้มีกำลังใจ คนทำถูกจะได้กล้าทดลองใน Simulation Class ของผม สิ่งนี้เป็นทั้งกำลังใจ น้ำใจ ในห้องเรียนของท่าน
  • เวลาที่เดินไปแล้วพบเห็นพฤติกรรมที่ท่านอาจจะไม่ปรารถนาในคลาส ผมจะสังเกตุซักครู่ จนมั่นใจว่าพฤติกรรมนั้น เกิดขึ้นจริงจากสาเหตุที่ผมประมวลได้ เดินไปสอบถาม แนะนำ ตักเตือน แบบ PERSONAL  คือ รับรู้กัน 2 คน หรือในวงแคบ เพื่อไม่ให้เชาเสียหน้า นักศึกษาจะไม่ขายหน้า และมีกำลังใจ บางครั้งเด็กกำลังติดมือถือ ใน chat สุดมัน ผมจะเดินไปบอกว่า ถ้า chat เสร็จแล้วมาช่วยเพื่อน ๆ นะ คุณเก่ง คุณช่วยทีมได้ผมเชื่อแบบนั้น 
  • ในกรณีที่เกิดพฤติกรรมที่ท่านไม่ต้อง การ "ด่า" ด้วยความปราณี บอกเหตุผล และประโยชน์ที่เขาจะได้รับจากคำด่านั้น จะเป็นเทคนิคที่ใช้ประจำ
Picture
เทคนิคที่ 6: ใช้ภาพอธิบาย ใช้การวาดอธิบาย

​สมมติฐาน: 

      กลไกลของความเข้าใจของสมองมนุษย์นั้นการประมวลผลจากภาพได้ผลดีกว่า input แบบอื่น ๆ เหมาะควรอย่างยิ่งกับการอธิบายเนื้อหาที่เป็นขั้นตอน การติดตาม 

เครื่องมือ:
  • กระดาน + Maker ในกรณีขนาดของห้องไม่เป็นปัญหา หรือ
  • Pen mouse (หรือ Tablet ที่มีปากกาเขียนจอได้) และต่อออก Projector สำหรับห้องที่มีขนาดใหญ่ (ไม่ได้โฆษณา เพราะว่าไม่มีสปอนเซอร์ ผมก็เสียสตางค์ซื้อมา แต่ใช้ดีจึงบอกต่อ Wacom Bamboo ดังภาพซ้าย ราคาประมาณ 3,xxx บาท) ข้อดี คือ มีสีให้เลือกใช้ และเปลี่ยนขนาดเส้นได้ไม่จำกัด, สามารถ capture หน้าจอ มาเพื่อประกอบการอธิบาย, สามารถ save เป็นไฟล์เพื่อ sharing ใน Group หรือ หากใช้ร่วมกับ Software บางตัว เช่น One Note เป็นต้น)

ตัวอย่างการใช้เทคนิคนี้ผสมสกับ Content ต่างๆ 
  • การวาดภาพ เพื่อการอธิบายขั้นตอน ทีละขั้นตอน ในกรณีที่ท่าน CT ไม่สะดวกในการทำ PowerPoint ที่มี animation และจะต้องมีการเสริมข้อมูล เช่น การอธิบายกระบวนการใน Business Process ที่แตกต่างกัน, การอธิบายในัวข้อที่มีทางเลือก, การเขียนทางเลือกบนจอ เพื่อให้นกศึกษาได้เห็นภาพ และคิดตามเพื่อประกอบการตัดสินใจ
  • การคำนวน เช่น การคำนวน MRP ที่จำเป็นจะต้องมีตั้วเลือก และตัวแปรต่างกัน การยกตัวอย่าง โดยเปลี่ยนค่า parameter และใช้สีที่แตกต่างกัน จะช่วยให้นักศึกษาจำกรณ๊ที่แตกต่างกันได้ตามสีที่เลือกใช้
  • การอธิบาย Dashboard และข้อมูลต่าง ๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจ หรือแนะนำกระบวนการตัดสินใจ Decision Making Process เป็นต้น​
Picture
เทคนิคที่ 7: หยุดเพื่อให้คิด หลังจากทดลองในปัญหาใหม่สั้น ๆ 

Related Topic:
คลิกที่นี่

​สมมติฐาน:

​     การไหลบ่าท่วมของ "ข้อมูล" ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลในเกม MonsoonSIM หรือ ข้อมูลมากมายจากการนำเสนอของ CT ผู้สอน, จะทำให้นักศึกษาคิดไม่ทัน และ "เลิกคิด" ซึ่งจะเกิดได้ง่ายกับนักศึกษาในเจเนอเรชั่นนี้ การหยุดพักซักครู่ ให้นักศึกษาได้คิดจะได้ผลดีกว่า การดาหน้าลุยส์ วิธีนี้จะใช้ได้กีในกรณีนีที่สามารถเห็นผลของงานใหม่ จากการทดลองใหม่ได้ เช่น ในกรณี Simulation หรือ Lab ที่สามารถเห็นของของการลองผิด เพื่อเรียนเรื่องที่ถูกต้องมากกว่า 

ตัวอย่างการใช้งานเทคนิคนี้
  • ตัวอย่างแรก: เมื่อท่านเพิ่มความซ้บซ้อนใน Module หรือ จำนวนงานที่มีการ Integration สูง ตัวอย่างเช่น ท่านใช้ Cash base ในเกมมาตลอด และต้องการเพิ่ม Accrual เพื่อเพิ่มทักษะ แน่นอนว่า รูปแบบของบัญชี ข้อมูล และ กระบวรการจะเปลี่ยนไป  ผมมักจะอธิบายสั้น ๆ ซึ่งแน่นอน นักศึกษาไม่เข้าใจหรอกครับ และให้เขาได้ทดลองและเห็นผล หลังจากนั้น จะหยุดเพื่อให้คิด (ในกรณีนี้อาจะใช้ Function Micro teaching concepts เพื่อให้ทดลอง และย้อนกลับ) เมื่อนักศึกษาได้หยุดคิด แล้วให้เขาทดลองอีกคัร้งามสมมติฐาน ซึ่งเทคนิคการหยุดให้คิดนี้ใช้ได้บ่อยตามที่ท่าน CT เห็นสมควร
  • ตัวอย่างที่สอง: ท่านเปิดใช้เฉพาะ Immediately Delivery ใน Procurement (PMN) เมื่นท่านตัดสินใจจะเพิ่มแนวคิดเรื่องการจัดซื้อแบบ Blanket Purchase Order (ฺBPO) จำเป็นจะต้องให้นักศึกษาได้ทดลอง แล้วท่านอาจจะต้องชี้ทาง โดยอาจจะต้องเชิญขวนให้ลองผ่าน Function ของ Mirco Teaching Concept หลังจากนั้น ได้หยุดเกมให้นักศึกษาได้คิดในเชิง กระบวนการเติมสินค้าด้วยการจัดซื้อ กับ Inventory Management และ Demand Planning เป็นต้น 
Picture
Picture
เทคนิคที่ 8: สร้าง หรือบังคับให้เกิดมี Silence Brainstrom และ Brainstrom

​Related topic:
  1. From Shelfield College UK คลิกที่นี่
  2. From Lucidmeeting.com คลิกที่นี่

สมมติฐาน:
    สุภาษิตไทยบทหนึ่งบอกไว้ว่า "หัวเดียวกระเทียมลีบ" แปลได้ความว่า คิดคนเดียว คิดแบบเดียว ไม่มีกระเทียบหุ้ทเป็นหัว กระเทียมนั้นก็จะสูญเสียความชื้นและลีบไปในที่สุด  นักศึกษาไทยที่มีความคิด แต่ไม่ได้แสดงออก เพราะว่าในประถมและมัธยม รวมถึงมหาวิทยาลัย การแสดงความคิดที่แตกต่าขัดจากผู้สอนจะโดนตำหนิ แปลกไปจากวิชาที่ผู้สอนเชื่อ หรือ วิธีที่ผู้สอนเรียนมานั้นเป็นของผิด คนไทยเลยประหยัดความเห็น และไอเดีย เก็บไว้คนเดียว และคนไทยเองมีปฏฺกิริยาต่อสิ่งที่แปลกใหม่ หรือไม่เคยเจอมาก่อน ราวกับว่า ผู้ออกความเห็นเป็นเอเลี่ยน ด้วยสาเหตุนี้ การ Brainstroming จึงเกิดได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพในเมืองไทย
    

    กระบวนการ Brainstrom คือ กระบวนการระดมไอเดีย มิใช่กระบวนการทำงานเป็นกลุ่ โดยไม่มีการระดมแนวคิด แบบที่คนไทยเข้าใจกัน และเชื่อว่าคือการทำ Brainstroming กระบวนการนี้เกิดขึ้นได้ทั้งในระดับ กลุ่มย่อย และ ในกลุ่มใหญ่ ซึ่งนักศึกษาไทยอาจไม่มีคามคุ้นเคยเมื่อจะต้องแสดงแนวคิดในที่สาธารณะ โดยท่าน CT อาจจะต้องใช้การกระตุ้นอยู่บ้างในช่วงแรกสำหรับคนไทย โดยเริ่มจากกลุ่มเล็กที่คุ้นเคยกันเอง แล้วจึงหลากกลุ่ม (อย่าลืมเทคนิคการดักคอไว้ก่อนล่วงหน้า) การทำครั้งแรก ๆ อาจจะไม่เรียกว่า Brainsrroming ได้ คงเป็น Group Working มากกว่า แต่เมื่อท่านรวมกับเทคนิคการชมออกสื่อ การให้กำลังใจ บ่อยครั้งเข้าจะเป็น NewNorm(al) ในชั้นเรียนของท่านเอง
    ส่วนการ Silence Brainstrom นั้น นั้น เป็นกรรมวิธีที่ใหม่สำหรับคนไทย หมายถึงการระดมแนวคิดแบบไม่ออกเสียง กลวิธีนั้น มาจากกระบวนของ Start up เพื่อใช้ในการระดมความคิดของคนที่มีไอเดีย แต่อาจไม่พร้อมในการแสดงความเห็น  หรือ ผู้แสดงความเห็นอาจจะไม่กล้าแสดงตัวด้วยความเชื่อไปเองเรื่องหน้าตาทางสังคม (กลัวคนว่าโง่ แต่ไม่กลัวไม่รู้ ไม่กลัวเสียเวลาและทรัพยากร) กระบวนการนี้ หากมีทุน ก็ใช้ Post-It หากไม่มี แนะนำกระดาษรีไซเคิลหน้าจาว 1 หน้า ตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ ก็พอครับ โดยให้หัวข้อ และให้เขียนแนวคิดของจนเป็น Keyword โดยไม่ต้องหารือกัน หลังจากนั้น จึงมารวมกัน จัดกลุ่มและถามรายละเอียด

     การให้นักศึกษาทำ Brainstrom ไม่จำเป็นจะต้องบอกคำตอบ หรือทางเลือกแนะนำ สิ่งที่ท่าน CT ทำได้ คือการให้เขาได้หาวิธี และ ทดลองเพื่อให้เกิดผลทั้งบวกและลบ

ตัวอย่างที่ประยุกต์ใช้ในคลาส MonsoonSIM Conceptual Class 

อาจเรียกว่าการประยุกต์ใช้ PDCA ในการวางแผน, การ Agile และ Interval Scrum (ผู้เขียน)

PRE-Brainstrom
  • ในแต่ละครั้งก่อนจะเริ่มงาน หรือ Task ใหม่ ผมจะให้เวลาในการหารือกัน ซึ่งแน่นอน ว่ามีการจำกัดเวลา (และรวมไปถึงการต่อเวลาหากจำเป็น) โดยท่านจะต้องช่วยกำหนดหัวข้อในการทำ Brainstrom 
  • ในบางกลุ่มจะมีการทำ Brainstrom ที่ดี ในบางกลุ่มแทบจะไม่มีการระดมความคิดเกิดขึ้น ซึ่งท่านควรจะต้องเข้าไปอยู่ในกระบวนการสังเกตรับฟัง กระตุ้น รวมไปถึงในบางกลุ่มจะมี "Leader" ซึ่งไม่จำเป็นในกรณีของการทำ Brainstroming เลย หากว่า Leader กำหนดไอเดีย ตรงนี้ ท่านอาจจะต้องใช้เทคนิคการเนีนย ไปถามสามชิกท่านอื่น ๆ ว่า เห็นด้วย หรือว่าเห็นต่าง เพื่อให้คนอื่น ๆ ได้แสดงความเห็น หาก นักศึกษา Leader ท่านนั้น เปิดใจพอ จะต้องขอให้เขาลดบทบาทลงเพื่อให้เพื่อน ๆ มีความกล้าในการเสนอไอเดีย
​
In tee Midst Brainstrom
    หรือ กระบวนการ Brainstrom ในระหว่างงาน ซึ่งใน  MonsoonSIM จะเกิดในกลุ่มย่อยของงานที่ suppyl chain เกี่ยวข้องกัน หรือกระบวนการนี้จะเกิดเมื่อท่าน "หยุด ให้คิด" หรือ มีระยะเวลาเพียงพอ เช่น 90 seconds per Virtual Day หรือ ในกลุ่มที่ มี Adaptive Skill 

Post-Brainstrom
​      เมื่อนักศึกษาได้ทดลองจนเกิดผลแล้ว การทำ Post-Brainstrom มีความจำเป็น โดย ผมมักจำใช้ Template นี้ในการดำเนินกิจกรรม 
  • ให้แต่ละคน Silence Brainstrom ว่า เจอปัญหาอะไรบ้างในเกมที่ได้เล่นไป
  • ให้นำเอาปัญหาเหล่านั้น มา Sorting ด้วยวิธีการหลากหลาย ตามแต่นักศึกษาจะหนัด เช่น การ sorting ตามงานที่ทำ หรือ การ sorting ตาม Outcomes ที่ต้องการ 
  • ให้นักศึกษา Prioritize ปัญหาที่สำคัญที่สุดออกมา 3 ข้อ 
  • ให้ระดมความคิดว่า ปัญหาเหล่านั้น เกิดจากสาเหตุใด, จะแก้ไขอย่างไร, และใครเป็นผู้ได้รับมอบหมาย ให้แก้ไข 
        วิธีแบบนี้โดยประสบการณ์ส่วนตัว พบว่าทั้ง Engagement ระหว่างนักศึกษากับ Facilitator, รูปแบบการทำงานเป็นทีม, พัฒนาการของ Brainstroming ดีขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ล่ะครั้งครับ
Picture
เทคนิคที่ 9: สร้างให้เกิด Sharing Practice/Learn =  To learn from others

สมมติฐาน:

     การแบ่งปันเป็นการเรียนรู้ ทั้งผลลัพท์บวกและผลลัพท์ทางลบ สำหรับนักศึกษาทั้งหมด จะได้ฝึกฝนการเรียบเรียงความหมาย และสื่อสารออกไป สำหรับนักศึกษาที่ได้ผลลพท์ทางลบ จะได้เรียนรู้วิธีคิดและกระบวนการในการตัดสินใจของทีมที่ได้ สำหรับอาจารย์ CT ก็จะได้เห็นกระบวนการวิธีคิด การคลี่คลายปัญหา เพื่อให้สามารถแนะนำต่อยอดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ผมมักจะให้เกิด sharing session ในรูปแบบต่าง ๆ ดังนี้
  • หลังจากการทดลองโดยเรียนด้วยตนเอง สอนแบบไม่สอน ซึ่งมักจะเป็นการการถามตอบ ซึ่งวิธีนี้ถือเป็น Ice-Breaking ก่อน 
  • ในรอบต่อมา จะแสดงผลจาก Observer ในเกม ให้เห็นการตรวจสอบ เชื่อมโยงข้อมูลไปมา โดยให้ทั้งคลาสมีส่วนร่วมกันก่อน 
  • ในรอบต่อมา จะให้ Brainstrom และทดลอง เมื่อจบการทดลองนี้ จะเริ่มกระยวนการ sharing session ให้ชัดเจนขึ้น ซึ่งในรอบนี้ CT ต้องขยันแปลความหมายของนักศึกษา ปรับให้ถูกต้อง เป็นกำลังใจให้นักศึกษา เพราะว่า ทักษะในการแสดงความเห็นเป็นของยากสำหรับนักศึกษาไทย  โดย 
    • ​ให้กลุ่มที่ผลประกอบการดี ได้แสดงวิธี หรือหลักวิธีคิด (เพื่อให้ นักศึกษากลุ่มที่ได้ผลประกอบการไม่ดีเห็นแนวทาง เพื่อ C&D; Copy and Develop ก่อน) ซึ่งอาศัยจังหวะนี้ในการเสริมเพิ่มเติม 
    • หลังจากนั้น จะให้กลุ่มที่ได้ผลประกอบการไม่ดีเท่าไหร่นัก ได้ลองวิเคราะห์ว่า เกิดความผิดพลาดอะไรบ้าง ซึ่งในรอบแรก ๆ นี้ นักศึกษาที่ไม่เคยถูกสอนให้เชื่อมโยงข้อมูล ไม่ถนัดภาษาอังกฤษ ยังไม่ทันได้ตั้งตัว มักจะให้ความเห็นว่ายังไม่เข้าใจ Inteface ยังไม่เช้าใจเรื่องบางเรื่อง ท่านจะได้ถือโอกาสนี้ re-play อีกรอบ (อย่าตำหนิ เพราะว่า เมื่อท่านตำหนิเด็กไทยตะเตลิดไปจากท่าน ไม่กลับมาอีก) 
    • หลังจากนั้น ให้วางแผนใหม่ ทดลอง แสดงผล และ sharing โดยรอบนี้ ทีมอื่น ๆ จะเริ่มเข้าใจกระบวนการ โดยท่านต้อง random ให้ทั่วถึงในทุก ๆ รอบ และมีโอกาสได้เห็น approaching ด้วย
Picture
เทคนิคที่ 10: ใช้ Observer Tools และ KPIs Tool ให้เกิดประโยชน์

สมมติฐาน:

    อะไรที่วัดได้ (Measurable) ก็จะสามารถเห็นปัญหา และพัฒนาต่อยอดได้ ถ้าไม่สามารถที่จะวัดผลได้ อย่าเพิ่งตัดสินใจ

ใน MonsoonSIM มี Observe Tools และ KPIs Tools นอกโลกแห่ง MonsoonSIM CT ที่สามารถวัดผลเรื่องต่าง ๆ ได้ จะสร้างคำแนะนำ วิเคราะห์กระบวนการเรียนรู้ เห็นปัญหาในชั้นเรียนของท่านได้ และสามารถปรับเปลี่ยนแผนได้ แต่ทว่าขอใช้ perpecstive นี้ผ่านตัวอย่างของ MonsoonSIM นะครับ


วิธีการมาตรฐาน
  • ใช้ Observer ในการแสดงผลเพื่ออธิบาย เชื่อมโยงข้อมูล Set ที่ใช้บ่อยมากคือ การเงิน ซึ่งักจะแสดงผล SALES, OPEX, TRADING PROFIT และ NET PROFIT โดยให้นักศึกษาคิดตาม เช่น Net Profit = Trading Profit - OPEX แสดงกราฟ แล้วให้นักศึกษาคาดเดาผล เพื่อสร้าง enagagement และเชื่อมโยง data เข้าด้วยกัน
  • ท่านแนะนำเรื่อง Utilization พื้นที่ไป โดย เปิด Observer การใช้พื้นที่ เทียบกัน และเทียบกับ OPEX และให้นักศึกษาได้เทียบกับข้อมูลของ Overhead ในหน้าจอของตัวเอง ส่วนต่างของ Utilization ที่หายไปจาก 100% หมายถึง Waste อะไร ส่วนเกินของ Utilization คือ ค่าปรับพื้นที่ที่ใช้เกิน เป็นต้น
  • การเทียบกราฟของ Margin, Sales, Inventory แล้วให้นักศึกษาร่วมกันถกว่า มความเกี่ยวข้องกันอย่างไร 
วิธีการนี้ จะเป็นการปูพื้นฐานการใช้ BI; Business Inetllegent เมื่อนักศึกษาเข้าใจการเชื่อมโยงข้อมูล

วิธีการกระตุ้น
บ่อยครั้งที่การแสดงผล และใช้หลักการของเกมการแข่งขันให้เป็น ทว่าวิธีนี้ CT จะต้องสวม วิญญานนักพากย์เล็กน้อย ผมมักจะแสดงปัญหาเรื่องใด ๆ หลังจากที่ ได้ brainstorm, sharing ได้ให้ทีมนักศึกษาวางแผนและตกลงกันแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะมีเกมย่อย ๆ ในเกมใหญ่ โดยผมจะเปิด Observer Onscreen ไว้ เช่น 
  • ตลาดที่นักศึกษาไม่ค่อยได้เล่น คือ Service ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นตลาดที่มีต้นทุนต่ำที่สุด และมี Margin มากที่สุด (ซึ่งสิ่งนี้คือ Concept Manday ในโลกจริง) นักศึกษาอาจไม่เห็นประโยชน์ เพราะว่ามีขั้นตอนการวางแผนยุ่งยากกว่า การขายใน B2C และ B2B ผมมักจะชวนคุยในเรื่องนี้ก่อน ที่จะเปิด กราฟของยอดขายรวม และยอดขายแต่ละตลาด รวมไปถึง margin Profit และ Trading Profit ไว้ในจอกลาง (และอาจจะตั้ง KPI เพื่อวัดผลได้เช่นกัน) และคอยพากย์เมื่อทีมไหนได้ยอดขาย Service มากขึ้น เพื่อกระตุ้นให้นักศึกษาไปหัดใน Feature นั้น เป็นต้น 
  • นักศึกษามักไม่ค่อย Utilize พื้นที่และเครื่องจักร ซึ่ง ผมมักจะเปิดกราฟเทียบไว้ พร้อมกับพากย์ชื่นชมคนที่ Utilize พื้นที่และเครื่องจักรได้ดี เพื่อเป็นการกระตุ้นนักศึกษา CT ในฐานะนักพากย์ก็ต้องกระตุ้นให้เกิดการ Utilize ในระหว่างบรรยายก็จำเป็นจะต้องสอนเรื่องที่ใกล้เคียยงไปในคำบรรยายด้วย เชื่อว่าจะมีสมาชิกในทีมฟังบ้าง และเรื่องนี้จะไปเป็นหัวข้อใน Group Discussion ระหว่างหยุดเกม
Picture
Picture
เทคนิคที่ 11 ให้คิดว่าทุกคลาสเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของ Level นั้นๆ เสมอ

สมมติฐาน: 
     ครั้งแรกของการทำสิ่งที่ตั้งใจ (ไม่นับ 1st Accidental นะครับ) มีความตื่นเต้น และสดใหม่ เป็นครั้งที่วางแผนมาบนกำลังใจที่ดี .... ทุกคลาสควรใหม่สด เพื่อจะได้มองนักศึกษาบนสมมติฐานที่เรียบง่ายตามชั้นความรู้นั้น ๆ และคิดเสียว่าเป็นครั้งสุดท้ายที่ไม่อาจจะแก้ตัวได้อีก คลาสแต่ละครั้งจะเปี่ยมไปด้วยพลัง ทั้งนี้ "ลีลา" และ "รายละเอียดท่วงท่า" ขึ้นอยู่กับเวลา และผู้ชม


ลมแรง (ฺBasic ใส ใส)
ระดับการใช้ MonsoonSIM เป็นครั้งแรก 
  • แปลคำศัพท์บางคัว ถึงรากศัพท์ พร้อม Synnonyms เช่น Procure มาจาก Pro + Cure แปลว่า กักเตรียมไว้เพื่อเรียกใช้งานได้ เป็นคุณลักษระของการจัดเตรียมจัดหาทรัพยากร เป็นต้น หากไปใช้คำว่า Purchasing จัดซื้อ ก็เพียงทำหน้าที่ซื้อ และซื้อให้ถูก ความหมายของ Procure จะชัดเจนกว่าในนิยามของ KPI ในงานนี้ (หรือท่านจะบ้าจี้เป็น OKR ก็ได้ครับ)
  • สอนในเรื่องของ Basic พื้นฐาน เช่น การอ่านกราฟ จะได้ไม่ตกใจ และได้ผลดีในชั้นเรียน ตัวอย่าง เช่น Index ค่า Scale ตามแกนต่าง ๆ, หากเป็นกราฟเส้น ทิศทาง และความชัน ใแต่ละเรื่องนั้น เป็นผลดีเสียอย่างไร รูปแบบกราฟที่ดีบนเรื่องหนึ่ง ๆ ควรเป็นเช่นไร นักศึกษาไทยมีปัญหาในการอ่านกราฟมาก ท่านไม่ควรพื้นฐานข้ามส่วนนี้ไป
  • ที่มาที่ไป ของ Information (และถือโอกาส นี้สอน Basic ของ Information Science เพื่อการตัดสินใจ) เช่น การนำเอา ราคาขาย - ราคาต้นทุนส้นค้า จะเรียกว่า margin (กำไรขั้นต้น) เป็นต้น 
  • อธิบายความหมาย และ หากมีเวลา สอนการใช้เครื่องมือบางอย่างเบื้องต้น เช่น พื้นฐานการหาข้อมูล เป็นภาพ เป็น Clip การใช้บูลีนในการค้นหา เป็นต้น 

ลมพัดสอบ และลมกรรโชก (Intermediate)
ระดับกลางของ MonsoonSIM ในนิยามส่วนตัวหมายถึง ระดับที่มีความเข้าใจ Interface และเชื่อมโยงงาน รวมไปถึงข้อมูลได้แล้ว ซึ่งอาจจะเป็น 2nd - 3rd meet การ Integration ของ Work Processses, Data นั้น เป็นสิ่งที่สอนยาก สอนให้เข้าใจได้จากการ Lecture ไม่ได้ และสอนโดยใช้เวลาที่สั้นในแบบที่ Simulation ทำให้เกิดขึ้นไม่ได้ 
  • การชวนให้คิดแบบเชื่อมโยงงานที่เกี่ยวข้องกัน 2-3-4 งานขึ้นไป (คำแนะนำคือ ควรให้นักศึกษาได้เกิดประสบการณ์บน Supply Chain ที่สั้นยาว และ ซับซ้อนแตกต่างกันไป และ ให้มีหรือ (บังคับ) การ Rotate งาน
  • ประโยชน์ของการทำ Inventory Management กับ เรื่องของ Supply on Demand, Push and Pull ต่อ การเงิน รูปแบบบัญชี เป็นต้น
  • อาจเริ่มให้มีการโยงสิ่งที่ทำ งานที่ทำ เข้ากับ ทฤษฎี และอธิบายทฤษฎีได้บ้าง
ในขั้นนี้ จะสามารสอน บทเรียนที่เป็น Intermediate ได้อย่างมากมายกว้างขวาง และเกิดความเช้าใจที่ง่าย วิชาที่สามารถใช้งานได้จากขั้นความรู้นี้มีมากมาย และเห็นจริง เช่น Inventory Management, Productio Management, Financial Management, Human Capital Management etc. 

ลมหมุน และลมพายุ (Intermediate to High)
โดยส่วนตัวถึงผมจะเอียนคำว่า "กลยุทธ์" และกวนใจทุกครั้งเวลาเห็นอาจารย์สอนวิชา "กลยุทธ์" ด้วยการให้นักศึกษาจำค่าเท่ห์ ชื่อกลยุทธ์ แล้วอธิบายได้ 40% ของที่อาจารย์สอน แล้วอาจารย์ก็พึงพอใจ และมีสถาบันการศึกษาหนึ่งบอกว่า MonsoonSIM เป็น Process Game ไม่เป็นกลยุทธ์ นั้นรู้สึกสะท้อนใจ แล้วได้แต่กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้คนแบบนั้นไป  กลยุทธ์นะไม่ต้องพิเศษ แต่กลยุทธ์เป็นหลักคิด ที่ทำให้เกิดผลได้ สร้างคุณประโยชน์ทางบวกต่อการทำงานใด ๆ ได้ นั่นแหละครับ กลยุทธ์ ไม่ใช่เข้าใจว่า มันคืออะไร (What) หรือว่า รู้ประโยชน์ของมัน (Why) แต่ทำให้เกิดขึ้นไม่ได้ (How) ซึ่งพบเห็นได้ในมหาวิทยาลัยในเมืองไทย ที่มีเจ้าพ่อเจ้าแม่สอนกลยุทธ์แต่ทว่า ทิ้งให้มหาวิทยาลัยตนเองนั้น ไม่มี Outcomes (พูดมากเดี๊ยวเจ็บคอ; คำนิยมในยุค สิงหาคม-กันยายน 2561)
ว่าแล้วเหล่านี้จากประสบการณ์ สอนให้เกิดความเข้าใจพื้นฐาน และทดลองให้เกิดได้ 
  • Process Management Strategy; Collaborative on Data and Team
  • Business Plan Strategy; การเข้าใจข้อจำกัดด้านทรัพยากร การเข้าใจคู่แข่ง 
  • Pricing Strategy จากการขายให้ได้ทั้งระดับ COH ที่เหมาะสม, ยอดขายยังขายได้, Margin ยังคงอยู่ เกิดความเติบโต จากการเข้าสัดส่วนทางการเงินที่เกิดจาก Accounting ในเกม
  • Financial Management Strategy เมื่อผนวกแนวคิดเรื่องของ Financial เข้ากับ Accounting กับเรืองของ SupplyChain และการบริหารธุรกิจ 
  • Procurement Strategy เช่น การผสมผสานกระบวนการ Out source กับ Production เข้าด้วยกัน เปลียนสัดส่วนไปตามเวลาและทรัพยากรที่เหมาะสม 
  • Etc ขออนญาตหยุดที่หัวข้อนี้ เนื่องจาก เมากลยุทธ์

Picture
 เทคนิคที่ 12: Keep it SIMPLE, Simple is the easiest way to simplified 

สมมติฐาน:
    ความเรียบง่าย ทำให้นักศึกษารับฟังแล้วเข้าใจได้มากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ข้อมูลหลั่งไหลมาจากสื่อ และช่องทางต่าง ๆ  ความง่ายนั้น ต้องเหมาะสมกับ "กลุ่มเป้าหมาย" 

ตัวอย่างความเรียบง่ายที่เกิดในคลาส MSIM
  • ​คำอธิบาย และตัวอย่าง 1 เรื่อง Profit, Net-Profit, COGS, BOM ซึ่งปรกติผมจะมีน้ำดื่มขวด หรือกาแฟอยู่แล้ว ในระหว่างกาำดำเนินคลาส สิ่งที่ทำได้ และเห็นเป็นรูปธรรม คือ การใช้ตัวอย่างที่จับต้องได้ เช่น การอธิบายเรื่อง BOM; Bill of Material โดย เปิดฝาน้ำดื่ม ยกขึ้นแสดง ให้นักศีกษา เสนอราคาต้นทุน ลามไปจนถึงฉลาก, ขวด และน้ำ (บางคนจะแสดงทรรศนะเรื่อง Branding ซึ่งท่านต่อยอดเรื่องนี้ได้) การให้นักศึกษารวมต้นทุนของแต่ละ Part คือ การสอนเรื่อง COGS และ Pricing  คือการสร้างกระบวนการคิดแบบเป็นระบบขั้นตอนอย่างง่ายไปในตัว และท่านเองก็จะนำเข้าสู่ตัวอย่างในเกมได้ง่ายขึ้น
  • คำอธิบายและตัวอย่าง 2 เรื่อง Lead Time นักศึกษามันจะท่องจำนิยามของ Lead Time ใด ๆ และเก็บไว้เป็น Master Copy ซึ่งแท้จริงแล้ว คำนิยามสามารถกว้างหรือแคบลงก็ได้ ผมมักจะยกตัวอย่างเรื่องการมีแฟนในวัยเรียน ซึ่งตรงกับวัยของผู้เรียนเพื่อเป็นการดึงดูดใจผู้เรียน โดยตัวอย่าง คือ การไปรับแฟนที่บ้านเพื่อไปเรียนพร้อมกัน โดยเอาระยะทาง เวลาเดินทาง เวลาเข้าเรียน และผลที่ได้รับจากการไปไม่ตรงเวลาของการไปรับแฟน และ เข้าชั้นเรียนสายกับอาจารย์สุดเฮี๊ยบ เพื่อให้เห็น เป้าหมายหรือวัตถุประสงค์, การบริหารจัดการกระบวนการ, การตัดสินใจ และเวลา
  • คำอธิบายและตัวอย่าง 3 เรื่อง บัญชีและการเงิน โดยมักยกตัวอย่างจากจำนวนเงินในกระเป๋าสตางค์ตั้งต้นจากภรรยา (ซึ่งจริง ๆ ไม่มี) การจ่ายเงินออกในแต่ละกิจกรรม โดยยกตัวเลขประกอบ แล้วให้นักศึกษาคิดเลขตาม เพื่อสอนบัญชีอย่างง่าย เงินที่เหลือในกระเป๋าตังส์ คือ การเงิน และอำนาจของการตัดสินใจ 

ทั้งหมดนี้เป็นตัวอย่างที่มักจะใช้ประจำในชั้นเรียนแรก ๆ เพื่อวางกระบวนการคิดเป็นขั้นตอน, ให้นักศึกษาเห็นความไม่ยากของเนื้อหา, การตรวจสอบความรู้พื้นาน และความสนใจของนักศึกษา เพื่อท่าน CT จะได้ปรับให้เหมาะสมได้  บางเรื่องที่ผมใช้อาจจะเหมาะสมบ้างไม่เหมาะสมบ้าง เพราะว่าต้องทดลองไปเรื่อย ๆ ซึ่งเรื่องไม่เหมาะสมนั้นมีมาก ในบางเรื่องอาจารย์บางฝท่านเดินมาทักท้วงว่าตัวอย่างมันอาจจะต้องขึ้นเรท 18+ ทว่า เชือ่เถอะครับ เ็นเรื่องที่ใช้ให้เป้นประโยชน์ได้ แต่ไม่แชร์ในนี้นะครับ
Picture
Picture
เทคนิคที่ 13: ใช้ Online Tools ในชั้นเรียน

สมมติฐาน:
     นักศึกษาตั้งแต่รุ่น Gen-Y หรือชาว Millenial นั้น โตมาพร้อมกับเทคโนโลยี และ Post Gen-Y นั้นโตมาในโลกินเทอร์เน็ต จะทำให้ "มือถือ" และ "อินเทอร์เน็ต" เป็นปรปักษ์กับชั้นเรียนทำไม ท่านก็ใช้ประโยชน์จากเครื่องมือนี้เสียเลย ผมมักจะส่งเสริมให้ใช้ หรือ อย่างน้อยถ้าเด็กอยาก chat ก็ให้ chat เรื่องงานเนียน ๆ ไป แล้วตัวท่านเองจะได้ไม่เสียใจเมื่อเห็นเด็ก Chat ต่อให้ไม่ใช่เรื่องในคลาสของท่านก็ตาม เด็กไม่มีใจจดจ่อกับคลาสท่าน แค่เขาไม่ chat ก็ไม่ได้แปลว่าเขาสนใจท่านอยู่ดี จริงมั้ยครับ 

ตัวอย่างของ Online-Tools ในการประกอบคลาส:
  • ใช้ Facebook หรือ X เสียเลย (ใช้ไม่ได้แล้วกับสมัยนี้ เพราะว่า นักศึกษาหันไปใช้ Platform อื่นแล้วครับ-2018) หรือ ใช้ Online Platform Community เช่น สร้าง Group Chat ใน Application Line โดยสร้าง QR Code ให้เขาสแกน ท่านจะได้กลุ่มในการสื่อสาร และใช้ Feature ของ Platform เหล่านั้น ในการแชร์ไฟล์, นัดหมาย,ส่งการบ้าน, ส่ง Screen Captured ที่สำคัญ ฯลฯ  
  • ใช้ Portal ของ MonsoonSIM Thailand TH Monsooner Library เพราะว่า มีคำอธิบายทั้งหมด ที่จำเป็นในพื้นฐาน รวมไปถึงไฟล์ slide ต่าง ๆ ที่จำเป็นในชั้นเรียนครับ
  • ใช้ Search Engine โดยให้นักศึกษา Search ไปพร้อมกัน เพื่อ เขาเองจะได้หาข้อมูล เพื่อเรียนเองได้ด้วยตนเอง และท่านเองก็จะได้เห็น เสริม แนะนำทักษะเหล่านี้ไปด้วยในตัว
  • ใช้ Video บน YouTube นอกจากจะเปิดให้เด็กนักศึกษาชมแล้ว หากมีโอกาส ผมจะให้หา Clip ที่เข้าใจง่ายมาแข่งกันโหวต ท่านจะรู้ทักษะการหาข้อมูล และแนวทางในการอธิบายซึ่งนักศึกษาเข้าใจ เพื่อตัวท่านเองจะได้ปรับการ facilitate class ของท่านได้
Picture
เทคนิคที่ 14: ทำให้เกิด Easy Win โดย Short Term KPI ... everyone can be winner
 
สมมติฐาน:
     ทุกคนล้วนอยากชนะ อยากร้อง "เฮ" ในใจ เรื่องที่ยากแก่การชนะ เด็กและเยาวชนสมัยนี้จะทิ้งไปได้ง่าย ๆ ในชั้นเรียนท่านจะสูญเสียเขาไป หากเขาไม่เคย "เฮ" และ ร้อง "อ๋อ" ในในเมื่อแก้สมการอันซับซ้อนได้ และ ชัยชนะเล็ก ๆ จะนำไปสู่ชัยชนะที่ใหญ่กว่าเสมอ
     การตั้งตัววัดที่ทำได้ เป็นกำลังใจ เริ่มจากตัววัดง่าย ๆ แล้วจึงขยับไปเป็นขั้น "พิศาล อัครเศรณี"  เช่น ลูกได้ที่โหล่ในชั้นเรียนที่วัดผลแบบเดียวกันหมด ท่านอาจจะเปลี่ยนเป็น ให้ดีกว่าเดิม 1 อันดับ เป็นรองโหล่ได้ไหม ... แบบนี้เด็ก ๆ มีกำลังใจ และท่านมักจะได้ผลที่พิเศษกว่าเสมอ 

ตัวอย่างของ Easy Win โดยใช้ Short Term KPI:
เมื่อท่านประกาศผลในแต่ละช่วง จะมีทีมเฮ และทีมไม่เฮ เพราะว่ามันเป็นการแข่งขัน และมีการจัดอันดับ สิ่งที่ท่านทำได้กับทุกกลุ่ม คือ การให้ Easy Win เพื่อ ให้กำลังใจ ให้เห็นว่าทุกคนสามารถทำดีขึ้นได้เสมอ หรือ ทีมที่เป็นผู้นำ ท่านก็ปรับให้เขาดีขึ้นได้ในระดับต่อไป
  • ตัวอย่างที่ 1 ทีมที่โหล่ในโค้งแรก ๆ จะไม่โหล่อีก (ส่วนมากกลายเป็นอันดับต้น ๆ ด้วยซ้ำไป)  เมื่อประกาศผล ทีมบ๊วย และรองบ๊วยนั้น จะได้รับการร่วมด้วยช่วยกันใน Group Brainstrom ระหว่างหยุดเกม ท่านมีหน้าที่ "แนะนำ" ให้เห็นปัญหา มิใช่การ "บอกวิธีแก้ไข" (บ่นอีกนิด หากท่านบอกวิธีแก้ไข ท่านจำกัดจินตนาการของเขา ท่านอาจจะ disable วิธีการแก้ปัญหาของเขาไปเลย และอาจจะจำกัดแนวทางการแก้ปัญหาที่ดีกว่าก็ได้) ผมมักจะให้ KPI กับกลุ่มนี้  เช่น ขอให้ครั้งต่อไปไม่บ๊วยก็พอ 
  • ตัวอย่างที่ 2 เมื่อเราหยุดเกมส แล้วใช้ Observer ในการแสดงผลเปรียบเทียบ ท่านจะเห็นปัญหาแตกต่างกันไป ท่านอาจจะให้ KPI ย่อยๆ ตามปัญหาของแต่ละกลุ่ม เพื่อให้เขาได้คิดสาเหตุ กระบวนการ ข้อมูลที่จะใช้ในการแก้ปัญหา 
Picture
Picture
เทคนิคที่ 15: ใช้การประเมินตัวเอง เพื่อพัฒนาตัวเอง เพื่อประโยชน์ของเขาเอง

สมมติฐาน: 
      การได้ประเมินงานที่ได้ทำ และมีโอกาสทบทวน เรียนรู้จากความผิดพลาดที่ทำ เป็นการเรียนรู้ที่ดี CT ควรพักการเล่นที่ต่อเนื่องเป็นช่วง ๆ เพื่อให้นักศึกษาได้ประเมินตัวเอง จากมุมมองต่าง ๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับเรื่องที่ท่านจะสอนในชั้นเรียน 

ตัวอย่างของการให้นักศึกษาได้ประเมินตัวเอง:
  • การประเมินจากผลลัพท์เบื้องต้น ในข้อมูลที่สังเคราะห์มาแล้ว 1 แกน  เช่น ผลของ Net Profit, Trading Profit, Utilization ต่าง ๆ  การประเมินแบบนี้จะเห็นผลเพียง พอใจ หรือไม่พอใจ เท่านั้น CT ควรให้นักศึกษา ถกถึงสาเหตุของผลลัพท์เหล่านี้ ว่ามาจากสาเหตุและปัจจัยใด 
  • การใช้ BI; Business Intelligent ซึ่งจะเป็นการ นำข้อมูลมากกว่า 1 แกน ที่เกี่ยวข้องมาวิเคราะห์ร่วมกัน ซ฿่งจะทำให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น ในประเทศไทย นักศึกษาส่วนใหญ่มีปัญหากับการ เลือกใช้ข้อมูลมาเทียบกัน และคาดการแนวโน้ม โดยปัญหาที่พบมากที่สุด คือ ปัญหาที่ว่านักศึกษาไม่รู้ว่า ควรจะต้องประเมินเรื่องใด เพื่อประโยชน์ใด  และปัญหาที่ตามมา เมื่อทราบแล้ว ก็ไม่รู้ว่า ควรจะเอาข้อมูลอะไรมาเทียบกันบ้าง และตีความผลของ BI ไม่เป็น ท่าน CT จำเป็นจะต้อ่วยแนะนำ ให้นักศึกษาสามารถที่จะใช้ประโยชน์จากข้อมูลเหล่านี้ให้ได้ และอธิบายให้เป็น 
  • Personnal Log ใน MonsoonSIM อาจจะมี Log  ต่าง ๆ จาก Filter แต่ทว่า ข้อมูลบางอย่างนั้น อาจจะจำเป็น ซึ่งยังไม่มีบริการ หากนักศึกษาทราบว่า เขาจำเป็นจะต้องใช้ข้อมูลใดบ้าง ในรูปแบบของ LOG นั้น แสดงว่า เขากำลังไปสู่ stage ของการ คาดการณ์สถิติ ซึ่งสิ่งนี้ในบาง Log อาจจะต้องนำเอาข้อมูลใน BI  มาเทียบกับข้อมูลในส่วนอื่น ๆ การฝึกให้นักศึกษาทำ Log เพื่อ Forecast เป็นอีกวิธีหนึ่งในการสร้างนักวางแผนที่ดี
Picture
เทคนิคที่ 16: ทำหลุมดักทาง ล่อให้ตกหลุม ผลักให้ลงหลุ่ม เจ็บแล้วจะเรียน (Learning from planned mistake)

สมมติฐาน:
  • เด็กไทยไม่กล้าทำผิด นักเรียนไม่กล้าถาม  เพราะว่าเขามีประสบการณ์ว่าทำอะไรพลาดแล้วโดนตำหนิ ถามแล้วโดนตำหนิ จากพ่อแม่ ครูอาจารย์ และคนรอบข้าง ซึ่งการไม่ทำผิดเลย ก็เท่ากับไม่เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ
  • เมื่อนักศึกษาไม่ยอมทำพลาด ก็จะไม่เกิดการพัฒนา ไม่รู้จักปัญหา ก็จะหาสาเหตุของปัญหาไม่เจอ เมื่อไม่รู้ว่ากำลังเป็นปัญหา ก็จะไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มแก้ ไม่แก้ไข ก็พัง

การขุดหลุมล่อใน MSIM:
    ผมจำเป็นจะต้องสวมวิญญาณสถาปนึก (ไม่ได้สะกดผิดนะครับ "นึก" จริง ๆ) เพื่อออกแบบเปลี่ยนแปลง Configurations ใด ๆ ให้เกิดหลุมดัก และจำเป็นจะต้องนั่งแท่นผู้กำกับนหนัง "สยองขวัญ" นิด ๆ พอหอมปากหอมคอ เพื่อ ขุดหลุม ให้นักศึกษาหลงเดินไป ซึ่งนักศึกษาส่วนมากจะตกไปในหลุม จะมีบางส่วนที่จะไปยืนอยู่ปากหลุมแต่ไม่ตกไปเสียงที วิธีที่ดีคือ ท่านเป็นมือ(เท้า)ที่มองไม่เห็นผลัก(ถีบ) ลงไปในหลุมครับ แล้วเด็ก ๆ จะพยายามปีนขึ้นมาเอง หากปีนไม่ได้ ก็สร้างหลุมใหม่อีกครั้ง แต่เปลี่ยนให้ลุกขึ้น กว้างขึ้น ครับ เพราะว่าท่านอยู่ในโลกแห่ง MonsoonSIM Simulation 
  • นักศึกษาชอบใช้วิธีเดิม ๆ และเชื่อว่า วิธีเดิม ๆ จะใช้ได้ตลอดไป 
    • ​ผมมักจะตั้ง MKT ด้วยการให้ ทุกสื่อในเกม ดีไปหมด เป็นโลกแห่งความฝัน นักศึกษาจะแข่งกัน เพิ่มค่าใช้จ่ายด้าน MKT ขึ้นเรื่อย ๆ (ซึ่งแน่นอน จะต้องไปปรับ Feature Demand และ Holiday) พอผ่านไปซักระยะหนึ่ง สิ่งที่ทำได้ คือ  ปรับให้ MKT ไม่เป็นผล เหลือเพียงบางสื่อเท่านั้น ที่ยังคงส่งผลต่อตลาด เพื่อให้ทีมที่ไม่ระแวดระวัง  หรือ ไม่ตรวจสอบข้อมูล มีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น เพื่อเรียนรู้มากขึ้น
    • การปรับให้ Lead Time ในเกม ยาวขึ้นในทุกตัว เพื่อให้แผนง่าย ๆ ของพวกเขาไม่ง่ายอีกต่อไป ไม่ได้รับสินค้าตรงเวลา และมีค่าปรับเกิดขึ้นมหาศาล หรือ ค่าการเสียโอกาสทางการค้าสูงขึ้น ซึ่งทำให้จะต้องเพิ่มวิธีการวางแผนที่ดีมากขึ้น จะทำได้ก็ต่อเมื่อ ท่านมีนักศึกษาที่คุ้นเคยต่อการใช้งานแล้วเท่านั้น มิเช่นนั้นท่านจะสุญเสียพวกเขาไป 
    • ล่อให้ซื้อเครื่อจักรมาก ๆ หลังจากนัน จึงเปิด Maintenance แล้ว เอาตัวเลข และกราฟ Utilizartion ของเครื่องจักร และ COGS มา discuss กัน 
  • นักศึกษาที่นอกเหนือจากสาขาบัญชี ไม่สนใจเรื่องการบริหารการเงินเสียเท่าไหร่ สิ่งที่ทำได้ หลากหลาย เช่น
    • ลดจำนวนเงินสดในมื ใน Day 0
    • ลด หรือ ปิดวงเงิน OD 
    • ​​​เพิ่มรายจ่ายให้มากขึ้น 
    • ลดจำนวน Delinquent 

         หากนักศึกษาใช้ Practice แบบเดิม โดยไม่สนใจข้อจำกัดอื่นๆ  เขาจะพลาดแและเรียนรู้เพิ่มเติมแน่นอน ในฐานะ Facilitator สิ่งที่เราทำได้จากเครื่องมือที่มี คือ โน้มนำให้เขาเรียนเพิ่มเติมเท่านั้นเอง
Picture
เทคนิคที่ 17: ให้นักศึกษาเล่นบทนักสืบโมริโคโกโร ส่วนท่านนั้นเป็นโคนัน

สมมติฐาน:
  • ทุกคนในชีวิตต้องเคยผ่านหรือรู้จักโคนันบ้าง แต่หากไม่รู้จัก แนะนำให้ YouTube ดูซัก 1-2 ตอนครับ 
  • การสิบสวนของโคนัน เป็นเหมือนกับกรรมวิธีการเรียนรู้ แต่ในโคนันนั้น ปัญหาเกิดมาแล้ว คือ การฆาตกรรม และเขากำลังสิบสวนเพื่อหาสาเหตุ และตัวฆาตกรที่แท้จริง การที่ท่านได้เสริมทักษะการสืบสวน ปัญหาใน MonsoonSIM ท่านต้องทำตัวเป็น โคนันในลำดับแรก เพื่อให้นักเรียนได้เล่นบท โมริโคโกโร่ หลังจากนั้น เพื่อน ๆ ในทีมของเขานั้น คือ บรรกานักสืบเยาวชนรุ่นจิ๋ว บางคนเป็น ไฮบาระ, เก็นตะ, อายูมิ ฯลฯ หลังจากนั้น พวกเขาจะเป็นโคนัน ในโลกทำงานจริง ขีวิตจริง ที่เข้าใจรากฐานของปัญหา ที่มาของปัญหา วิธีการ 

แนวทางการสืบสวนปัญหาใน MonsoonSIM:
คำตอบมักอยู่ในสภาพแวดล้อม ซึ่ง "สังเกต" เห็น และ "ตีความ" เป็นหรือไม่ 
  • ปัญหาในการประกอบการส่วนใหญ่ ดูได้จาก PnL ซึ่ง เข้าใจมันก็อธิบายได้ การที่ CT มี Function ในการ Filter งบการเงิน เป็นวันถอยหลัง สิ่งนั่น คือ สิ่งที่ท่านจะต้องเสนอหลักฐาน และแนะนำวิธีการ ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่นักศึกษาบัญชีเรียนกัน แต่ ใครบ้างไม่ทำบัญชีในชีวิตประจำวัน (หากท่านจำตัวอย่าง ภรรยาหลอก ๆ ให้เงินเดินทางไปสอนหนังสือที่ผมยกประจำได้ นั่นแหละครับ)
  • ปัญหาด้านต้นทุน ไปดูได้จากมิติที่หลกหลาย เช่น Over Head, กราฟ COGS พอเห็นปัญหา ให้มั่นใจว่านักศึกษาเข้าใจว่ามันเป็นปัญหาหรือไม่ ... หากเขาไม่รู้ว่ามันคือปัญหา เท่ากับว่าผู้เขียนโคนันไม่เคยปฏิสนธิบนโลกนี้ครับ 
Picture
Picture
เทคนิคที่ 18: ติดปีกนางฟ้าเมื่อจำเป็น หรือเป็น Power Rangers ในบรรยากาศมาคุ (เลือกในแบบที่สบายใจ)

สมมติฐาน:
  • ไม้แข็งใช้บ้างก็ดี แต่ต้องใช้ไม้นวมในบางกรณี 
  • มุนษย์ต้องการที่พึ่งพักพิง ในยามมีปัญหา การได้โอกาส หรือความช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ เป็นกำลังใจ นักศึกษาก็เช่นกัน 
  • หากเล่นบทดีดี เป็นนางฟ้าซ้ำซาก ก็ไม่ดี ท่านอาจจะเป็นที่รักของนักศึกษา แต่ท่านเป็นครูที่ไม่ดี เพราะว่าเด็กจะรอ "คำตอบ" จากท่าน เขาจะ "คิดเอง" ไม่เป็น ท่านคงเห็นตัวอย่างพวกนี้จนชินตา ชินใจแล้ว

​ลักษณะการติดปีก หรือ แปลงร่างในยามมาคุ:
  • ​โดยหลักการ คือ ให้ประมวล เทคนิคที่ 14-15-16-17 ก่อน ต้องมีซักวิธีที่นักศึกษาลุกมาสู้เพื่อตัวเอง ทว่า ในยามจำเป็น ก็ให้ใช้เทคนิค 18 นี้ เพื่อสานต่อกำลังใจอันเปราะบางของเยาวชนรุ่น Bubble Society (หมายถึง เยาวชนที่ พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ถนอมเป็นไข่ในหิน)
  • เริ่มจากการ ชี้โพรงให้กะรอก หรือ พูดง่าย ๆ ว่า "ใบ้" คำตอบ แต่อย่างไรก็ตาม ห้ามให้คำตอบ  เพราะว่า คำตอบของท่าน คือ การจำกัดวิธีการเรียนรู้ และจินตนาการในการเป็นโคนัน 
  • ถ้าใบ้แล้วยังไม่ได้ แล้วกำลังถึงจุดที่ Critical แล้วนั้น การหยุดเกม เพื่อหารือร่วมกัน ช่วยกัน ก็เป็นารส่งเสริมให้ทุกคนเป็น Power Rangers ของกันและกันได้

​ในขณะที่เขียนหัวข้อนี้ก็รู้สึกเจ็บที่หลังเพราะว่าปีกกำลังจะงอกออกมา (แทนที่หางปีศาจที่มีอยู่เดิม) 
Picture
เทคนิคที่ 19: ใช้การบ้าน ให้เป็นการเรียน ยากบ้าง ง่ายบ้าง สนุกบ้าง เครียดบ้าง อย่าให้การบ้านเป็นภาระ

สมมติฐาน:
     นักศึกษามักจะบ่นว่างานเยอะแล้ว เพราะว่าการบ้านเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากทำ ทว่า การบ้านเหมือนเป็นภาะ ท่านสามารถเปลี่ยนให้การบ้านเป็น ...................... ได้ตามจินตนาการ เช่น เปลี่ยนให้การบ้านเป็นบัตรผ่านในกิจกรรมต่อไป

ตัวอย่างการบ้านที่เคยใช้:

     ผมทดลองใช้การบ้าน โดยกำหนดการบ้าน ในหัวข้อที่ไม่ได้มีเวลาในการสอน แต่ต้องการให้นักศึกษาไปค้นคว้าเอง สิ่งแรกที่วางไว้ แค่เขา Cut and Paste เขาก็ได้อ่านแล้ว 1 รอบ ผ่านตาผ่านหัว มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านซีรีบรัมแล้วครับ  แล้วที่เหลือ คือ การตรวจการบ้านผ่าน Facebook เพื่อให้อ่านกันเองไปมา แล้วเรียนอีกครั้ง 
     ผมใช้วิธีนี้ได้ อาจารย์บางท่านบอกว่า เพราะว่า ผมมีแต่นักศึกษาที่สนใจเข้าร่วมการแข่งขัน วิธีนี้ไม่ work สำหรับนักศึกษาในชั้นเรียนทั่วไป ไม่มีอะไรดีไปกว่า การทดลอง ผมตรวจการบ้านจริงจัง ให้คำแนะนำ ท่านให้การบ้านเขาทำ ท่านตรวจการบ้านและแนะนำเขาหรือยัง หรือว่า ท่านตำหนิที่การบ้านไม่ได้ดั่งใจท่านสคาดหวังเอาไว้ 
  • Learn MonsoonSIM to Song (อ่านต้นกำเนิดได้ที่หน้า 12-13-14 ในเอกสารนี้) 
  • Learn ERP to MonsoonSIM 
  • Decision Making Flowchart
  • Mind map
  • PnL Analysis
  • etc

จะเขียนขยายรายละเอียดในบทความแบ่งปันประสบการต่อไปนะครับ ถ้านักศึกษาได้เห็นประโยชน์จากการบ้าน คือ เขาเรียนรู้ และได้มุมมองจากมัน ได้คำแนะนำจากท่าน การบ้านก็จะเป็นที่น่าดึงดูดใจ
Picture
เทคนิคที่ 20: ใช้รางวัลล่อ
​
สมมติฐาน:
    มนุษย์มีความโลภ และของที่ได้มาฟรี ๆ ต่อให้มูลค่าไม่มาก ก็ขอให้ได้มากเสียก่อน หกท่านเข้าใจหลักการนี้ ก็เอาไปปรับใช้ได้หลากหลาย 


ผมใช้ของรางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ สร้างแรงจูงใจในคลาส นอกเหนือไปจาก กำลังใจที่ให้ไปเสมอ คำชื่นชมที่พูดออกไมค์ แล้ว การตั้งรางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ จะดึงดูดได้อย่างมหาศาล โดยเฉพาะรางวัลที่ Tangible คือ จับต้องได้ เช่น
  • กูลิโกะป๊อกกกี้ 
  • ช๊อกโกแลต 
  • ของต่าง ๆ ที่เป็นของที่ระลึกจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ 
  • หนังสือ (อันนี้ชอบแจกมากครับ)
  • สิทธิการสอบ MSIM Certification 
  • สิทธิ หรือ Pass สำหรับเล่นเกมครั้งต่อไป
Picture
เทคนิคที่ 21: Label Team Name and ส่งเสริมให้นักศึกษาใช้ Avarta

สมมติฐาน: 
     ในคลาสใหญ่ ๆ ที่มีนักศึกษาจำนวนมากคน และมากทีม ท่าน CT ไม่สามารถจำทุกคนและทุกทีมได้หรอกครับ 


  • ใช้กระดาษ Recycle เขียนชื่อทีม แปะเอาไว้ที่หลังจอภาพ เพื่อระบุว่าทีมนี้เป็นทีมอะไร ท่านจะได้จดจำชื่อทีม และพฤติกรรมได้ รวมไปถึงสามารถเอาไปรวมกับ Observer เพื่อใช้ประโยชน์ต่อไปได้ 
  • ผมมักจะแนะนำให้นักศึกษาเปลี่ยน Avarta ในระบบให้เป็นรูปของเขา เพื่อเราจะได้จำนักศึกษาได้
Picture
เทคนิคที่ 22: หมั่นเดิน และหูตาเป็นสัปปะรด

สมมติฐาน:
     การเดินไปมาในชั้นเรียน เป็นหลายสิ่ง การเดินทำให้ท่านได้สำรวจ เห็นพฤติกรรม เห็นปัญหา และทำให้ท่านใกล้ชิดกับนักศึกษามากขึ้น 

ประโยชน์ของการหมั่นเดิน และการมีหูตาเป็นสัปปะรด:
  • นักศึกษาที่ไม่กล้าถาม จะมีโอกาสถามท่าน เขาหยิบยื่นโอกาสในชั้นเรียนแก่ท่าน ท่านหยิบยื่นคำตบอกลับไปสู่เขา 
  • ท่านจะมีโอกาสได้พบเห็นวิธีการทำงานที่หลากหลาย มีโอกาสแนะนำแบบ Informal สร้างปฏิสัมพันธ์ได้มากกว่า 
  • เวลาที่เดินไปในห้องเรียน ตาของท่านต้องมองไปยังยักศึกษา และ Screen ของเขา เพื่อจะสามารถชี้จุดที่ท่านต้องการให้เขาสนใจได้ เช่น เดินผ่านไปแล้ว เห็นความไม่ชอบมาพากล ซึ่งบางครั้งเด็ก ๆ เองยังไม่ทราบว่า นั่นคือปัญหา ผมมักจะชี้แล้วกล่าวคำสั้น ๆ เดินจากไป แล้ววนกลับมาดูอีกครั้ง หรือเปิด Observer
  • อาศัยหูทิพย์ คือ ท่านจะได้รับฟังการสนทนาของเขา มีโอกาสสอนเรื่องย่อย ๆ มีโอกาสแก้ไขความเช้าใจผิด มีโอกาสได้ฟังกระบวนการคิดของเขาเพื่อแนะนำ
Picture
เทคนิคที่ 23: หมั่นสรุปเป็นช่วง ๆ และสรุปแล้วสรุปอีก

สมมติฐาน:
      นักศึกษาที่เกิดในยุค IT และดิจิตอล มักจะมีสมาธิสั้น และมีปัญหาในการรับสาร ขาดประสบการณ์ที่จะเชื่อมโงให้เกิดความเข้าใจ การหมั่นสรุปเป็นวิะีการที่ดี 

สรุปอะไรบ้าง:
  •  สรุปทุกเรื่องที่ควรสรุป
  • สรุปเมื่อข้อมูลเยอะและมีเวลาน้อย 
  • สรุป อีกครั้งเมื่อเห็น Question Mark บนใบหน้าของนักศึกษา อย่าเบื่อหรือโกรธที่จะต้องทำซ้ำ สรุปวนไปมาหลาย ๆ รอบ 
  • ให้นักศึกษาเป็นผู้สรุปก็ได้ เพื่อตรวจสอบความเข้าใจของเขา นักศึกษาท่านอื่น ๆ จะได้รับฟังในภาษาที่เหมาะสมกับวัยของเรา ซึ่งหากท่านทำไม่ได้ ใช้โอกาสนี้เถอะครับ

     สิ่งนี้เป็นเทคนิคที่ผมใช้ในชั้นเรียน ไม่ได้เรียงลำดับจากเงื่อนไข หรือ approcahing ใด ๆ เพียงมีวัตถุประสงค์เพื่อจะแบ่งปันสิ่งที่ได้พบดจอในรอบหลายปี ใน Conceptual Class บางมุม หรือบางเรื่องที่พลาดไป หากท่าน CT จะกรุณาเพิ่มเติมก็จะเป็นการเรียนรู้ไปด้วยกันครับ และบางเทคนิคนี้ปรับใช้ในชั้นเรียนของท่านได้ ผมบอกนักศึกษาเสมอว่า อะไรดีดีก็เก็บ อะไรไม่ดีก็โยนทิ้งไป นะครับ อาจจะมีเพิ่มเติมในหัวข้อนี้เรื่อย ๆ ครับ ขึ้นอยู่กับว่า นึกออกเมื่อไหร่ครับ 
    เริ่มที่ TT; Teaching Transformation จบที่ LT; Learning Transformation เพื่อ ET; Education Transformation กันครับ (อ่านเรื่อง LTT ได้ที่นี่)
0 Comments



Leave a Reply.

Picture
Picture
Picture
Picture

MonsoonSIM; The business simulation platform for learning and training
more to teach more to learn, easy to teach  easy to learn

MonsoonSIM Thailand by Zonix Services Co.,Ltd. is official reseller in Thailand