ตอนที่ 6 มาร่วมกันสร้าง Eco-System ของสังคมอุดมนักประกอบการ
หมายเหตุ: บทความนี้มิใช่บทความทางวิชาการ เป็นบทความเพื่อการแบ่งปันมุมมองต่อปัญหาของประเทศไทยในวิธีการมองแบบหนึ่งเท่านั้น ใน EP 6 นี้จะว่าด้วย บรรยากาศแวดล้อมที่ภาคีในสังคมต้องช่วยกันสร้างไว้ ให้ประเทศไทยเป็นสังคมอุดมนักประกอบการ
โดย ปรมินทร์ เยาว์ยืนยง
Related Content:
EP 1 นิยามของ Entreprenuer กับความหมายที่เพิ่มพูนเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา
EP 2 ประเภททักษะแห่งการประกอบการ (ในทัศนะของผู้เขียน)
EP 3 ทักษะแห่งการประกอบการที่พึงมี
EP 4 Entreprenuerial Mideset กระบวนคิดและลงมือทำของผู้ประกอบการ
EP 5 ความเข้าใจผิดในการประกอบการในสังคมไทย ช่วยกันเปลี่ยน ช่วยกันปรับ เพื่อประเทศแห่งการประกอบการ
EP 6 มาร่วมสร้าง Eco-System ของสังคมอุดมนักประกอบการ
EP 7 มาเป็น Charles Xavier ให้กับสังคมอุดมนักประกอบการกัน
EP 8 ประเทศไทยจะเปลี่ยนแปลงเช่นไร เมื่อเราสร้างสังคมอุดมนักประกอบการ
หมายเหตุ: บทความนี้มิใช่บทความทางวิชาการ เป็นบทความเพื่อการแบ่งปันมุมมองต่อปัญหาของประเทศไทยในวิธีการมองแบบหนึ่งเท่านั้น ใน EP 6 นี้จะว่าด้วย บรรยากาศแวดล้อมที่ภาคีในสังคมต้องช่วยกันสร้างไว้ ให้ประเทศไทยเป็นสังคมอุดมนักประกอบการ
โดย ปรมินทร์ เยาว์ยืนยง
Related Content:
EP 1 นิยามของ Entreprenuer กับความหมายที่เพิ่มพูนเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา
EP 2 ประเภททักษะแห่งการประกอบการ (ในทัศนะของผู้เขียน)
EP 3 ทักษะแห่งการประกอบการที่พึงมี
EP 4 Entreprenuerial Mideset กระบวนคิดและลงมือทำของผู้ประกอบการ
EP 5 ความเข้าใจผิดในการประกอบการในสังคมไทย ช่วยกันเปลี่ยน ช่วยกันปรับ เพื่อประเทศแห่งการประกอบการ
EP 6 มาร่วมสร้าง Eco-System ของสังคมอุดมนักประกอบการ
EP 7 มาเป็น Charles Xavier ให้กับสังคมอุดมนักประกอบการกัน
EP 8 ประเทศไทยจะเปลี่ยนแปลงเช่นไร เมื่อเราสร้างสังคมอุดมนักประกอบการ
หากท่านผู้อ่านได้สละเวลาติดตามบทความนี้ ตั้งแต่ Skillset, Knowledge set, Mindset, Toolset และกำลังเข้าสู่ความในตอนที่ 6 นี้ คือ เรื่องของ Entreprenuerial Ecosystem หรือ ผู้เขียนจะใช้คำว่า "บรรยากาศแวดล้อมแห่งการสร้างสังคมอุดมนักประกอบการ" อย่างไรก็ตามจะขอทับศัพท์ในตวามหมายนี้ ว่า Ent-Ecosystem และย่อว่า EntEco
คำถามที่ผู้เขียนชวนให้เป็นอันดับแรก ๆ คือ EntEco; Entreprenuerial Ecosystem จะต้องมีหน้าตาอย่างไร
ในส่วนของบรรยากาศแวดล้อมในการส้รางสังคมอุดมนักประกอบการ ขอใช้วัฎจักรทั้ง 5 ดังนี้ในการอธิบาย "ชวนให้เข้าใจ ส่งเสริมให้เกิด สร้างให้แกร่ง ขยายเติบให้โต คูณให้เพิ่มทวี"
คำถามที่ผู้เขียนชวนให้เป็นอันดับแรก ๆ คือ EntEco; Entreprenuerial Ecosystem จะต้องมีหน้าตาอย่างไร
ในส่วนของบรรยากาศแวดล้อมในการส้รางสังคมอุดมนักประกอบการ ขอใช้วัฎจักรทั้ง 5 ดังนี้ในการอธิบาย "ชวนให้เข้าใจ ส่งเสริมให้เกิด สร้างให้แกร่ง ขยายเติบให้โต คูณให้เพิ่มทวี"
EntEco 5 วัฎจักร มีรายละเอียดดังนี้
การอำนวยให้เกิดระบบ หรือบรรยากาศ มีความจำเป็น จะทำแบบร่วมมือพร้อมเพรียงกันในสังคม หรือ จะใช้วิธีการให้ผู้นำกรุยทางไปก่อน และจะเกิดมีผู้ตามดำเนินตามรอยกันมา จะแบบใดก็ได้ สิ่งสำคัญที่ผู้เขียนฝากไว้ ก็คือ "ลงมือ" กันเถอะครับ ท่านจะเรียกมันว่า การพัฒนาศักยภาพของคน หรือความเชี่ยวชาญ หรือจะอย่างไรก็สุดแล้วแต่ "ชื่อ" ที่จะตั้งกันมา ผู้เขียนเพียงเหมา ๆ รวมเรียกว่า "นักประกอบการ" เท่านั้นเอง อย่ากระไรเลย รวมกันมีพลังมากกว่าครับ
- ชวนให้เข้าใจ เป็นกระบวนการโหมโรง จะต้องมีการวื่อสารให้สังคมในประเทศไทยเข้าใจถึง "ความจำเป็น" ของการมีสังคมอุดมนักประกอบการในยุคที่โลกหมุนเท่าเดิมแต่การวัฎจักรการเปลี่ยนแปลงของโลกเร็วขึ้น สังคมจะต้องมี "ตวามตระหนัก" ถึงสภาวะขาดแคลนนักประกอบการว่าจะมีผลกระทบอย่างไรต่อไป (ในกระบวนการเปลี่ยนแปลงของ John Kotter นี่คือ Create urgent หรือ Increas Urgentcy) ที่จริงแล้ว ประเทศไทยผ่านบทเรียนที่เกิดซ้ำเมื่อถึงจัดเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นและเป็นประวัติศาสตร์มาหลายครั้ง แต่ละครั้งของการเปลี่ยนแปลง ผลกระทบต่อการไม่เปลี่ยน หรือเปลี่ยนแปลง จำกัดวงแคบ ๆ ในบางสังคม เช่น สังคมของนักการเมือง นักปกครอง นักวิชาการเท่านั้น เนืองจากมีข้อจำกัดด้านการสื่อสาร ในปัจจุบัน เมื่อทุกคนมีสื่อ และสื่อหลักเองถึงคราที่จะต้องเปี่ยนแปลง สื่อมวลชนมืออาชีพ, สื่อมวลชนสมัครเล่นที่มีอิทธิพลต่อสังคม (Influencer), นักคิดนักวิชาการต่าง ๆ ที่ต่างมี Online Media ของตัวเอง จะต้องสร้าง กระตุ้นให้สังคมได้คิด เป็นหนึ่งในการเริ่มต้นสร้างบรรยาการ EntEco
- ส่งเสริมให้เกิด นั้น เป็นกระบวนการที่เกิดพร้อมกันกับกระบวนการแรก หรือ เกิดเป้นลำดับก็สุดแล้วแต่พื้นฐานของสังคม (เช่น กรณีของสังคมเมือง หรือสังคมในหัวเมือง สังคมที่มีความแตกต่างกันทางค่านิยม)
- การส่งเสริมให้เกิดขึ้นของการประกอบการ จะเริ่มในแบบ Top Down หรือ Buttom Up นั้น สำหรับผู้เขียนไม่มีปัญหา ในภาครัฐอาจจะต้องใช้วิธีแบ Top Down ในเชิงนโยบาย เพื่อการขับเคลื่อน พร้อมกับตัวชขี้วัด วิธีการ และทรัพยากรที่เอื้อให้เกิดขึ้น หรือ กฎเกณฑ์ที่รัฐสามารถสร้างการส่งเสริมสังคมอุดมนักประกอบการ และไม่ใช่การขับเคลื่อนเป็นนโยบายประจำปี แต่ควรเป็นวาระแห่งชาติ (National Agenda) โดยส่งเสริมผ่านภาคีของการสร้างนักประกอบการ เช่น
- หน่วยงานภาครัฐ กับหน่วยงานรัฐ เพื่อรประโยชน์เป้าหมาย และการจัดการทรัพยากร และการวัดผล หากองค์กรภาครัฐสามารถเป็นหน่วยงานแรก ๆ ที่ก้าวเข้าสู่ หน่วยงานรัฐเชิงผู้ประกอบการ Govern-Prenuer จะเกิดแรงผลัดกดันมหาศาลในการเปลี่ยนแปลงประเทศ เช่น การเปลี่ยนแปลงเป้าประสงค์ วิธีการ การวัดผล ในหน่วยงานภาครัฐ, การ recruit ข้าราขการและพนักงานราชการในมิติใหม่ และรวมไปถึงการที่รัฐอาจะทำกับกลุ่มภาคีอื่น ๆ เช่นภาคเอกชน, ภาคประชาสังคม (ประชารัฐ), ภาคการศึกษา รัฐอาจจะต้องลงทุนสิ่งที่จำเป็นกับอนาคตของประเทศ ในการพัฒนาบุคลากรในปัจจุบันให้เกิดมีสถาะนแห่งนักประกอบการ ควบคู่ไปกับการสร้างบุคลากรรุ่นใหม่ให้เป็นนักประกอบการ
- ภาคธุรกิจ การแบ่งปัน Know how และ Practice ในการประกอบการ ระหว่าง รัฐ-เอกชน, องค์กรธุรกิจที่ต่างขนาดกัน
- ภาคการศึกษา ต้องปรับเปลี่ยนกระบวนการเรียนการสอน LTT; Learning and Teaching Treansformation และเดินหน้าสู่การทำ Education Transformaion ในดับ Curriculum Transformation (โปรดดูเนื้อหาเรื่อง Education Transformation โดยผู้เขียน) สิ่งที่ทำได้คือ การเริ่มต้นมห้เกิดมี วิชาการประกอบการ เป็นวิชาพื้นฐาน โดยเน้น Funamentary Entreprenuerial Skillset and Mindset ซึ่งบุคลากรเองต้องเป็นยักประกอบการเสียก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่ทำได้ทั้งความสมัครใจ และบังคับผลิดอก
- ภาคสังคม และภาคครอบครัว การเปลี่ยนแปลงค่านิยมในระดับครอบครัวซึ่งเป็นรากฐาน ครอบครัวส่งเสริมให้ลุกหลานใช้กระบวนการแก้ปัญหามากกว่า การช่วยแก้ปัญหาหรือออกรับปัญหาแทนเยาวชนรุ่นใหม่แบบที่เป็นอยู่ สังคมเลิกเสพติดความสมบูรณ์ และให้คุณค่ากับการเรียนรู้บนความผิดพลาด
- การส่งเสริมให้เกิดขึ้นของการประกอบการ จะเริ่มในแบบ Top Down หรือ Buttom Up นั้น สำหรับผู้เขียนไม่มีปัญหา ในภาครัฐอาจจะต้องใช้วิธีแบ Top Down ในเชิงนโยบาย เพื่อการขับเคลื่อน พร้อมกับตัวชขี้วัด วิธีการ และทรัพยากรที่เอื้อให้เกิดขึ้น หรือ กฎเกณฑ์ที่รัฐสามารถสร้างการส่งเสริมสังคมอุดมนักประกอบการ และไม่ใช่การขับเคลื่อนเป็นนโยบายประจำปี แต่ควรเป็นวาระแห่งชาติ (National Agenda) โดยส่งเสริมผ่านภาคีของการสร้างนักประกอบการ เช่น
- สร้างให้แกร่ง การสร้างสังคมอุดมนักประกอบการ เฉกเช่นเดียวกับ ข้อความอุปมาที่ว่า "กรุงโรงไม่ได้สร้างเสร็จใจวันเดียว" การส้รางมิใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่งหากแต่เป็นความรับผิดชอบร่วมกัน ซึ่งทุกภาคีจะต้องร่วม สร้างคุณค่าร่วม (Co-Entreprenuerial Value Creating) และเรื่องสำคัญที่สุดที่ผู้เขียนเสนอในการสร้าง EntEco คือ
- การปฎิวัติ HCM ของประเทศไทย
- กระบวนการ Recruit ของประเทศไทย คือ ด่านแรก ที่จะช่วยให้สร้างให้เกิด EntEco โดยเปลี่ยน ความต้องการของตาด เพื่อให้ผู้ผลิตคนจากวงการศึกษาปรับประบวนวิธี ซึ่งสามารถเริ่มจากการทานน้ำชาร่วมกันของกลุ่มบริษัทใหญ่ ๆ ร่วมกัน Hack ระบบการศึกษาด้วยการเปลี่ยนเกณฑ์การยอมรับบุคลากร ส่วนภาครัฐนั้น ก็สามารถส่งเสริมผลัดันในเชิงนโยบาย และมาตรการจูงใจ
- กระบวนการอบรม และการวัดผลจากการอบรม ต้องเปลี่ยนแปลงทั้งระบบ ในภาครัฐเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญ เพราะว่าการอบรม และกระบวนการวัดผลของภาคเอกชนมีความแข็งแกร่ง มีแผนรองรับ และมีความเป็นการประกอบการมากกว่า ภาครัฐจะต้องปรับกระบวนทัศน์สำคัญ คือ การตั้งเป้าประสงค์, การวัดผลงาน, ความคุ้มค่าของแผนงานภาครัฐ, ปรับกฎหมายให้เอื้อต่อการสร้างนักประกอบการ หากภาครัฐทำได้ประเทศจะกระโจนเข้าสู่ความเป็นสังคมอุดมนักประกอบการได้เร็วขึ้น
- การปฎิวัติการศึกษา ผู้เขียนเสนอให้เราเลิกใช้คำว่า "ปฎิรูป" หรือเปลี่ยนหน้ากากแบบที่เราทำกันในรอบหลายปี สถาบันการศึกษาต้องเลิกใช้การตลาดในการสื่อสาร หรือเป็นเครื่องมือในการเปลี่ยนแปลงการศึกษาอย่างฉาบฉวยแบบที่เกิดขึ้นในรอบ 5-7 ปีนี้ (2015-2019) "ปฎิวัต" หรือเปลี่ยนวิธีการ เปลี่ยนวิธีคิด น่าจะเป็นคำที่ถูกต้องสำหรับ National Agenda นี้ โดยผู้เขียนขอให้หลักการ Digital Transformaion ของ อาจารย์ดนัยรัฐ ธนบดีธรรมจารี ซึ่งผู้เขียนใช้เป็นหลักในการเขียนแนวทางการทำ Education Transformation
- ภาคการศึกษาต้อง "ยกเลิก" สิ่งที่ไม่ใช่ความเชี่ยวชาญแท้จริง กลับไปหา Flagship เดิม (หากมี) ต้องยกเลิกระบบ, ค่านิยม, หลักสูตร, วิธีการ และ หน่วยงาน ที่เป็นอุปสรรคในการเปลี่ยนแปลงการศึกษา
- ภาคการศึกษาต้อง "พัฒนา" สิ่งดีที่มีแต่เดิม ให้ดียิ่งขึ้น ให้เป็น "ความรู้" คู่ "การลงมือปฏิบัติ" ได้จริงของนักศึกษา โดยมี "พื้นฐาน" ที่แข็งแกร่ง สามารถปรับพื้นฐานไปตามกาลเทศะของยุคสมัยได้ โดนเพิ่มความ "ร่วมสมัย" และ "ทันสมัย" เผื่อการ "ล่วงสมัย"
- ภาคการศึกษาต้อง "สร้าง" นักประกอบการ ที่รู้จัก นวตกรรม (วิธีการ, กระบวนการ, สิ่งใหม่) โดยใช้เทคโลยีที่เหมาะสม และมีความคุ้มค่า มิใช่การสร้าง "นักใช้นวตกรรม" หรือ "นักใช้เงินซื้อนวตกรรม"
- การปฎิวัติ HCM ของประเทศไทย
- ขยายให้โต การสร้างคน ค่านิยม แนวกระบวนการคิด ใช้ระยะเวลาและความอุตสาหะ เมื่อเห็นผลลัพท์ที่เกิดขึ้น สิ่งที่ผู้มีศักยภาพจะต้องทำต่อไปคือ การขยายให้โต ได้แก่
- ขยายขอบเขตปัญหามุมมอง จากปัญหาเล็ก ๆ ทรัพยากรจำกัด ให้นักประกอบการที่สร้างแกร่งแล้ว พบกับปัญหาที่ใหญ่ขึ้น ข้อจำกัดมากขึ้น
- ขยายความเข้าใจ กับกลุ่มคนที่เข้าใจยากในองค์กรของท่าน การเกิดขึ้นของนักประกอบการ หรือนวตกรรม มีจุดร่วมคือ ต้องผิดพลาดและเรียนรู้ ต้องเปลี่ยนวิธีใหม่บนพื้นฐานปัญหาเดิม การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้อาจจะไม่ได้รับความเห็นชอบจากเหล่าไดโนเสาร์ในองค์กรทั้งหมด ท่านจะต้องขยายตวามเข้าใจ เรียกได้ว่า ท่านเองต้องใช้ศาสตร์และศิลป์แห่งนักประกอบการเพื่อสร้างนักประกอบการเช่นกัน
- ขยายจำนวนและสัดส่วนของ Mentor และ Incubator โดยดึงเอานักประกอบการในองค์กร หรือนอกองค์กรมาร่วมด้วยช่วยสร้างนักประกอบการ
- ขยายบทบาทและความรับผิดชอบของนักประกอบการที่ท่านกำลังบ่มเพาะ (Incubating) หรือการขยายความเสี่ยงให้กับนักแก้ปัญหา เพื่อวัดว่า เขาพร้อมในระดับปัญหาเช่นใด เราอาจจะทั้งพบเพชรน้ำงามที่เจอยาก หรือ อาจจะพบนักแก้ปัญหาหน้างานที่ดี ท่านจะได้จัดเขาไว้ในส่วนที่เหมาะสมให้เขาเป็นฟันเฟืองของสังคมอุดมนักแก้ปัญหาในองค์กรของท่าน
- คูณให้เพิ่มทวี จำนวนเป็นเรื่องสำคัญ การเปลี่ยนแปลงสิ่งยาก ๆ จะต้องใช้ จำนวน x ศักยภาพ เสมอ ซึ่งเป็นสูตรของความสำเร็จทั่วไป การสร้างนักประกอบการ ด้วยนักประกอบการ เป็นความจำเป็นหากประเทศไทยประสงค์ให้เกิดสังคมอุดมนักประกอบการ คนไทยเป็นคนเก่ง แต่ความเก่งของเรานั้นกระจุกตัว เหล่าผู้สร้างและผู้บ่มเพาะจำเป็นจะต้อง เพิ่มจำนวนไปพร้อม ๆ กับ เพิ่มศักยภาพ มิเช่นนั้น จงลงเอยเหมือนประวัติศาสตร์ของการพัฒนาเรื่องใด ๆ การคูณให้เพิ่มทวี มีหลากหลายมิติ
- การคูณด้วย Easy Accessible Knowledge Tank/Facility การเข้าถึงแหล่งข้อมูล ความรู้ จะทำให้ Natural Entreprenuer เกิดขึ้นได้มาก
- การคูณด้วยจำนวน Mentor และ Incubator การเพิ่มจำนวนกลุ่มคนที่มี skills จะช่วยส้รางนักประกอบการสายอบรมได้มาก
- การคูณด้วยมาตรฐาน แรงจูงใจ และหรือข้อบังคับ ในภาคเอกชน เมื่อถึงคราวจำเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ ให้กับกลุ่มที่เกี่ยวข้องในลักษะเงื่อนไขและผลตอบแทน หรือข้อบังคับ ก็ประสบความสำเร็จได้ เช่น ในอุตสาหกรรม IT ที่มีตวามซับซ้อน การเพิ่มยอดขาย หรือ margin หรือ การรับรางวัล ถูกบังคับให้ คู่ค้าจะต้องส่งผู้ขาย และ Engineer มาอบรม และต้องได้ Certificate จึงจะสามารถขาย Product ต่าง ๆ ได้ และได้รับรางวัลในรูปแบบ rebate เป็นต้น วิธีนี้ คือการบังคับให้เพิ่มจำนวน
การอำนวยให้เกิดระบบ หรือบรรยากาศ มีความจำเป็น จะทำแบบร่วมมือพร้อมเพรียงกันในสังคม หรือ จะใช้วิธีการให้ผู้นำกรุยทางไปก่อน และจะเกิดมีผู้ตามดำเนินตามรอยกันมา จะแบบใดก็ได้ สิ่งสำคัญที่ผู้เขียนฝากไว้ ก็คือ "ลงมือ" กันเถอะครับ ท่านจะเรียกมันว่า การพัฒนาศักยภาพของคน หรือความเชี่ยวชาญ หรือจะอย่างไรก็สุดแล้วแต่ "ชื่อ" ที่จะตั้งกันมา ผู้เขียนเพียงเหมา ๆ รวมเรียกว่า "นักประกอบการ" เท่านั้นเอง อย่ากระไรเลย รวมกันมีพลังมากกว่าครับ