วิธีการคำนวนต้นทุนของสินค้ามีหลากหลายวิธี ที่นิยมกัน และเป็นการคิดต้นทุนได้แก่
ต้นทุนสินค้า จะเกิดกับกระบวนการ Procurement การบริหารสินค้าคงคลัง โดยต้นทุนทินค้าอาจจะแปรผันไปได้จากหลายปัจจัย หลักการง่าย ๆ คือ การพยายามให้ต้นทุนสินค้าต่ำที่สุด และยังคงคุณภาพของสินค้าไว้ เพื่อประโยชน์ด้านการขายและการรักษาฐานลูกค้าที่เกิดจากการซื้อซ้ำ ต้นทุนที่เกิดจากกระบวนการผลิต มีความซับซ้อนจากปัจจัยอื่น ๆ เช่น ต้นทุนแปรผันของวัตถุดิบตามสภาพตลาดและฤดูกาล, ต้นทุนที่เกิดจากจำนวนสินค้าที่ผลิตได้, ต้นทุนที่เกิดจากความผิดพลาดในการผลิต, ต้นทุนที่เกิดจากความผิดพลาดในการซ่อมบำรุง ที่ทำให้จำนวนแปรผกผันกับต้นทุน หลักเกณฑ์ในการช่วยตัดสินใจสไตล์ MonsoonSIM
นำเอาหลักการนี้ไปปรับใช้ในการตัดสินใจ #ความรู้ต้องแบ่งปัน #ทำเรื่องยากให้ง่าย บทเล่าย่อ (ไม่ใช่บทคัดย่อ)
#แบ่งปัน #เรียนรู้เข้าใจ การจัดซื้อจัดหา (หรือ ในภาษาไทย แปลว่า จัดซื้อจัดจ้าง) นั้น ตรงกับ หลักการที่ภาษาอังกฤษใช้ตำว่า "Procurement" โดยีรากศัพท์มาจาก Pro+Cure แปลว่า "ทำให้มีพอใช้" โดยได้นำเอาคำแปลจาก Merriam-Webster มาประกอบด้านล่างนี้ ในทางการค้าขาย Procurement คือ การจัดซื้อ จัดหา (และจัดจ้าง) เพื่อให้มี "สิ่งของ, สินค้า, วัตถุดิบ" ใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ กัน หากมองในมิติอื่น ๆ เช่น เราสามารถ Procure หรือกันเงิน (ซึ่งใช้ศัพท์ว่า Accru) น่าจะถูกต้องกว่า แต่ให้ความหมายเดียวกัน เช่น Accru หรือกันเงินไว้ใช้ในกิจกรรมใด ๆ เป็นต้น ในกระบวนการ Logistics & Supply Chain ทางธุรกิจในความหมายที่ลึกลงไปนั้น กระบวนการ Procurement นั้น เป็น "กลไก" สำคัญยิ่งในการประกอบธุรกิจ ในฐานะ Support Activities ในการดำเนินธุรกิจใน Value Chain กระบวนการจัดซื้อนั้น เป็นขั้นตอนที่สำคัญ หากธุรกิจ และหรือกระทั่งในเกมธุรกิจจำลองอย่าง MonsoonSIM ถือเป็นส่วนบริการที่สำคัญ เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับรายได้, รายจ่าย, สินค้าคงคลัง, เงินสดในมือ ฯลฯ โดจจะมีขั้นตอน และกระบวนการทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อ ดังแผนภาพด้านล่างนี้ ขั้นตอนทั่วไปของกระบวนการจัดซื้อจัดหา ที่นักศึกษาควรทราบ 1) ตรวจสอบจำนวนของความต้องการ
2) สร้างคำสั่งขอซื้อ ซึ่งเป็นเอกสารภายใน ไปยังผู้เกี่ยวข้องซึ่งโดยมากจะเป็นแผนกจัดซื้อ (ในองค์กรจนาดเล็ก แผนกจัดซื้อ การบัญชี และการเงิน มักทำหน้าที่โดนเจ้าของกิจการ)
3) การยืนยันคำสั่งซื้อ (PO; Purchasing Order) เป็นเอกสารไปยังคู่ค้า (Vendor)
4) เมื่อคู่ค้าได้รับ Approved PO แล้ว ก็จะดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งสินค้า และนำส่งให้กับคู่ค้าตามที่สัญญากันไว้ ต่อไป
ใน MonsoonSIM มีทางเลือกในการจัดซื้อ โดยมี 3 ทางเลือก ณ ขณะนี้ ใน Version 7.x (เมษายน 2562)
สิ่งสำคัญยิ่ง ซึ่งเป็นหัวใจของการเรียนรู้ด้วยประสบการณ์ของ MonsoonSIM คือ จะต้องำกระวนการ หรือวิธีการที่แตกต่างกันนี้ ไปเชื่อมโยงกับงานอื่น ๆ เพื่อให้เห็นมิติที่หลากหลายมากขึ้น เช่น มิติด้านการเงิน, การจัดการพื้นที่ เป็นต้น Immediate Delivery
Future Delivery
Blanket Purchase Order; BPO
จะตัดสินใจเลือก Supplier รายใด ใช้เกณฑ์อะไรในการตัดสินใจ การจะใช้เกณฑ์ใดในการตัดสินใจเลือก Vendor นั้น มีหลายลักษณะ ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัย ซึ่งเป็นข้อจำกัด และวัตถุประสงค์ นกอจากนั้น ยังมีเงื่อนไขอื่น ๆ อีกมาก ซึ่งในเกมอาจจะไม่สามารถจำลองมาได้ทั้งหมด
ในโลกธุรกิจจริง ความสัมพันธ์กับ vendor อาจมีส่วนเข้ามาเกี่ยวข้อง, หรือ Vendor อาจจะพิจารณาพฤติกรรมการจ่ายเงิน หรือสภาพคล่อง และความเสี่ยงอื่น ๆ ทางการค้าประกอบด้วยเช่นกัน กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างจัดหา เป็นกิจกรรมสำคัญ ทว่า จะต้องประสานร่วมมือกับกิจกรรมอื่น ๆ ผู้ที่สามารถบริหารจัดการได้ในเชิงกลยุทธ์ จะได้เปรียบในหลายประการ อาทิ ต้นทุนในการประกอบการที่ต่ำกว่า, การบริหารสินค้าคงคลัง ให้เกิดมี Safty Stock เพื่อประโยชน์ทางการค้่า หรือ การจัดการจัดซื้อที่เชื่อมโยงกับสภาพคล้องทางการเงิน จะยิ่งเกิดประโยชน์ยิ่ง หรือ การใช้หลักการอื่น ๆ เช่น Supply on Demand เป็นต้น
นักศึกษาไทย "ร้จัก" Safety Stock ในเชิง "นิยาม" ซึ่งผมแทบไม่เคยเห็นว่า ทีมไหนจะใช้ "หลักการ" นี้ ในการเล่นเกม อาจจะเป็นเพราะว่า เกมเร็วเกินไป, ปริมาณตัวเลขในเกมทำให้นักศึกษาไม่ได้มีเวลา เพราะว่า เมื่อขายได้ทีไร สินค้าจะหมดคลังทุกที หรือ พลาดอีกที พบว่ามีสินค้าในคลัสินค้ามาก จนทำให้เกิดปัญหาทางการเงินเสียแล้ว ที่ว่า Safety มีอะไร Safety บ้าง ?? เป็นคำถามที่ผมเคยถามนักศึกษา แล้วพบว่า "คำตอบ" มีบนหลักนิยามเดียว คือ มีสินค้าพอเอาไว้ใช้งาน สำหรับการตอบคำถามในข้อสอบได้เท่านั้นเอง เริ่มต้นที่ Safety Stock จะคิดอย่างไร ก่อน ? ในการวางแผนว่า "เท่าใด" จึงเป็น Safety Stock นั้น จะคิดได้อย่างง่าย ๆ ขอยกตัวอย่างจากใน MonsoonSIM ซึงมีข้อมูลบอกไว้ใน Forecast (ในชีวิตจริง ใช้การคาดคะเน และทดลองจากยอดขายจริง และทำสถิติไว้ หรือ สามารถไปดูจากข้อมูลต่าง ๆ ที่เคยผ่านมาได้ เช่น ยอดขายของปีก่อน ๆ ในช่วงเดียวกัน หรือ หากไม่มีบันทึกเอาไว้ สามารถที่จะดูได้จากบัญชีขาย แล้วแปลงกลับมาให้เป็นจำนวน) หรือ หากไม่แน่ใจว่า ยอดขายจะเปลี่ยนไปตาม ราคาและ Promotion ที่ใช้อย่างไร ก็ให้ดูยอดขายจริง ใน Unit Sold เมื่อเราได้ข้อมูลส่วนนี้แล้ว คราวนี้ ก็จำเป็นจะต้องนำข้อมูลจากงานอื่น ๆ มา เช่น ข้อมูลจาก Procurement หรือจัดซื้อจัดหา ซึ่งมีที่มาของสินค้าได้หลายแหล่ง อาทิ จาก Vendors, จากการผลิต, จากการโยกย้ายสินค้าจากแหล่งอื่นๆ ฯลฯ และสิ่งที่จำเป็นต้องทราบ เพื่อทำให้ Safety Stock เกิดขึ้นได้จริงๆ คือ LEAD TIME และ Cacacity ของแหล่งที่มาของสินค้า เพื่อจะสามารถกำหนดได้ว่า จะมีจุดเติมเต็มสินค้า (Re-Oeder Point) เมื่อใด และปริมาณเท่าใด เมื่อได้ Safety Stock Level แล้ว เราก็มักจะได้ Re-Order Point หรือจุดเติมเต็มสินค้าไปด้วย การรู้จำนวนยอดที่จะต้องใช้ต่อวัน หรือ ต่อดีลแบบถัวใน B2B จะทำให้เราสามารถบริการจัดการ Stock ของเราได้ดีขึ้น คราวนี้ปัญหาต่อมา คือ จะมีช่วงที่ Demand สูงขึ้น (ใน MonsoonSIM คือ ช่วงวันหยุด ซึ่งลักษณะคล้าย ๆ กันกับชีวิตจริง) คนที่บริหารจัดการ stock อาจจะต้องใช้ทางเลือกพิเศษมาผสมผสาน ซึ่แล้วแต่เทคนิคของแต่ละบุคคล อาทิ บางคนแทนที่จะใช้ช่วงของวัน หรือกลุ่ม 2-3 วัน ก็อาจจะใช้สเกลที่ใหญ่ขึ้น เช่น อาทิตย์ หรือ 10 วัน (ทั้งนี้ จำเป้ฯจะต้องสอดคล้องกับ รอบการสั่งซื้อ ความสามารถของ vendors, ความสามารถทาง Logistics เช่น กระบวนการผลิต และการกระจายสินค้า) เรียกได้ว่า หากสามารถจัดการ TOTAL LEADTIME ได้ ก็จะไม่มีปัญหา และการจัดการ LEAD TIME นี้คือหัวใจของ Logistics & Supply Chain หากนักศึกษาเข้าใจ Lead Time ของกิจกรรมใด ๆ ที่สอดคล้องกัน และมีความต่อเนืองกัน ประกอบกับจำนวน + การประมาณการ ระบบ Auto Replenishment ในโมดูล Logistics ที่ทำงานควบคู่กับ MRP ได้เมื่อใด จะเกิด Flow หรือ การไหลของขันตอนที่ต่อเนื่อง และสอดคล้องกับกิจกรรมทางธุรกิจ ความต้องการ หนึ่งในความซับซ้อน คือ "สิ่งกระทบ Demand" ซึ่งใน MonsoonSIM อาจจะมีเวลาที่สั้นเกินไปกว่าการที่จะคำนวนให้มีความคลาดเคลื่อนได้น้อย ทว่าในชีวิตจริงนั้น จะมีเวลาแในการคิดให้ละเอียดได้มาก มาถึงจุดนี้ นักศึกษาต้องเข้าใจถึง "สิ่งกระทบ Demand" เพราะว่า จะทำให้ ตัวเลขในสมการ ROP และ Safety Stock เปลี่ยนไป เช่น เมื่อ มีการเปลี่ยนแปลงแผนในการทำตลาด เช่น การปรับราคา, การใช้ Promotion หรือผลกระทบที่เกิดจากคู่แข่งทางการค้า สิ่งที่นักวางแผนที่ดีทำได้คือ แผนธุรกิจ ซึ่งกำหนดว่า บริษัทหรือกิจการ จะทำตลาดในสัดส่วนเท่าใดของตลาด (ศึกษาเพิ่มเรื่อง STP แล้วใส่ตัวเลขเข้าไป จะเห็นภาพชัดเจน) เนื่องจาก กิจการใด ๆ ย่อมมีข้อจำกัด ทั้งที่มาจากตัวเอง เช่น เงินทุน, จำนวนบุคลากร, จำนวนเครื่องจักร หรือ อาจจะมาจากผู้ร่วมค้า เช่น Vendors และภาพใหญ่กว่านั้น คือ ตลาดในระดับ มหภาค. ตัวอย่างเช่น เมื่อฝ่ายขาย ต้องการเปลี่ยนราคาขาย หรือใช้ Sale Promotion ในการทำ Pricing แน่นอนว่า เมื่อใดที่สินค้าที่สามารถทดแทนกันได้ในตลาด มีราคาต่ำลง ผู้บริโภคก็มันจะให้ความสนใจ ระดับของ Safety Stock จะต้องเพิ่มขึ้น และ กระบวนการ Re-Order Point จะต้องเปลี่ยนไปในเชิง ความถี่ และปริมาณ เป็นต้น เมื่อกิจการมี Safety Stock ที่เหมาะสมแล้ว กิจการจะ Safe และ Save อะไรได้บ้าง ?
ผมมักพูดเสมอ เพราะว่าถูกสอนให้เข้าใจว่า "เงินสดในมือ" หรือ "สิ่งแทนเงินสดที่แปรสภาพเป็นเงินได้ง่าย" คือ หัวใจของการทำธุรกิจ เมื่อตอนเด็ก ๆ ก็ยังเข้าใจเท่าไหร่นัก ว่าหมายความว่าอะไร จริงๆ ไม่ได้เข้าใจยาก เพราะว่า หากคุณมีเงินสดในมือ หมายถึง อำนาจการตัดสินใจนั่นเอง ผมจึงมักเริ่มคลาสด้วยการสมมติว่า วันนี้ได้เงินมาเท่าไหร่ และชวนนักศึกษาในคลาส คิดเลขตาม เช่น ได้เงินมา 300 บาท ซื้อกาแฟไป 55 บาท ทานข้าวเช้าไป 55 บาท มีเงินเหลือ อยู่ที่ 300 - 55 -55 = 190 บาท (ซึ่งนี่คือพื้นฐานของการทำบัญชี เมื่อทำบัญชี จึงรู้ว่า มีเงินเหลือเท่าไหร่ ผมมักจะพูดว่า ทำบัญชี จึงได้ การเงิน ทว่าสอนนักศึกษาแบบง่าย ๆ แบบนี้ อาจารย์ทางบัญชีไม่ปลื้ม และอาจารย์ทางการเงินไม่ชอบ ตอนนี้ผมเหลือเงิน 190 บาท แปลว่าอะไร แปลว่า หากผมจะไปดูหนัง ในราคาตั๋วหนัง 140 บาท ผมจะไม่สามารถทานอาหารใรนร้านอาหารในห้างได้ เพราะว่าจะเหลือเงิน 50 บาท ก็จะไม่พอ นี่แหละครับ เงินสดในมือ กำหนด การตัดสินใจ คราวนี้อะไร ของเทียบเท่า หรือมกล้เคียง ผมใช้คำว่า "สิ่งแทนเงินสดที่แปรสภาพเป็นเงินได้ง่าย" หรือ สินทรัพย์ที่แปรสภาพได้ง่าย (จะพูดแบบนี้อาจจะไม่ถูกต้องตามหนังสือทั้งหมด) คราวนี้ ในเกม MonsoonSIM คืออะไร พูดง่าย ๆ คือ "สินค้าสำเร็จรูปคงคลัง" ที่เพียง นำมาขายเท่านั้น ก็จะได้ "เงินสด" กลับมา ได้ง่าย เมื่อคราเข้าตาจนเวลาดู Observer ในเกม เพื่อตัดสินใจว่า จะ reset เกมหรือไม่ ผมจะเลือกดูว่า นักศึกษาทีมที่มีปัญหา นั้น มีปริมาณเงินสดเท่าไหร่ (=สภาพคล่องทางการเงิน) หากปริมาณเงินสดในมือมีน้อย ยังมีสินค้าคงคลังหรือไม่ ส่วนมากจพบว่า นักศึกษามักมีสินค้า "เหลือเฟือ" และมักจะขายไม่ได้ เหตุเพราะว่า หนีปัญหาในเกม คือ ขาดสินค้าไว้ขาย ก็เลยแก้ด้วยการซื้อเยอะ ๆ (ส่วนหนึ่่งก็คิดว่า ซื้อเยอะทำให้ต้นทุนลดลง แต่ลืมคิดไปว่า ถูกที่สินค้า แต่มาเพิ่มรายจ่ายที่ค่าจัดเก็บ เช่น ค่าเช่า, ค่าปรับพื้นที่ และ แถมยังทำให้ เงินสดในมือลดลง จนบางครั้งไม่พอใช่้ เสียอีก) เป็นเรื่องปรกติ ที่เราจะแก้ปัญหาหนึ่ง แล้วเกิดปัญหาใหม่ ทว่า สิ่งสำคัญ คือ ระดับของเงินสด (Cash Liquidity) มีเพียงพอในการชำระค่า OPEX เพื่อยังสามารถดำเนินธุรกิจหรือไม่ หรือ ความสามารถในการเปลี่ยนสินค้าให้เป็นเงินสด ด้วยวิธีการต่าง ๆ Inventory Turn Over Ratio to CASH (ซึ่งโดยมาก พอถึงตาจน นักศึกษาก็จะขายสินค้าลดราคา เพื่อให้ขายได้ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่า Margin อาจจะไม่พอรายจ่ายในการประกอบการ ทว่า ดีกว่าไม่มีเงินสดไว้ทำกิจกรรมอื่น ๆ ) หากนักศึกษาเข้าใจสภาวะนี้ แล้วกลับไปมอง "ธุรกิจรอบตัว" จะพบว่า ไม่มีความแตกต่างกัน ในชีวิตจริง เราจะค้นพบว่า SME หรือเจ้าของธุรกิจขนาดกลางและเล็ก มันจะมีทางออกในหลาย ๆ วิธี เช่น OD; Over Draft (เงินเบิกเกินบัญชี ซึ่งพบในเกม MonsoonSIM), การกู้ยืมระยะสั้น (Short Loan ซึ่งพบใน MonsoonSIM) หรือวิธีการสุดคลาสสิค เช่น การแลกเช็คในหมู่เพื่อนฝูง หรือ การกินโต๊ะแชร์ของคุณพ่อคุณแม่ หรือ ร้ายไปกว่านั้น คือ การกู้ยืมนอกระบบ หรือ เงินกู้ที่มีดอกเบี้้ยสูงมาก ๆ ซึ่งทั้งหมดทำไปเพื่อ "คงสภาพเงินสดในมือเอาไว้" อธิบายแบบนี้ นักศึกษาน่าจะพอเข้าใจแล้วว่า CASH IS KING หมายถึงอะไร ใน MonsoonSIM บางทีม บางคน บงาครั้งของประสบการณ์ พบว่า เพียงงจะใช้เงินนิดหน่อย ทำกิจกรรมง่าย ๆ นั้น ยังไม่สามารถที่จะทำได้ เพราะว่าเงินสดในมือมีไม่พอ ให้ลองมองกลับไปเห็นความจำเป็น ของธุรกิจที่ขาดสภาพคล่องบ้าง ว่าธุรกิจที่ดำเนินในแต่ละวัน ยังคงมีค่าดำเนินการ (เหมือนกับที่มีใน MonsoonSIM) เช่น เงินเดือนพนักงาน, ค่าน้ำ, ค่าไฟ ฯลฯ ซึ่งบางครั้ง เจ้าของกิจการขนาดเล็กที่ขาดสภาพคล่อง ต้องไปหยิบยืมเงินมาจ่ายค่าดำเนินการเหล่านี้ ด้วยเหตุผลหลาย ๆ ประการ เช่น เพื่อยังคงการดำเนินธรกิจ, เพื่อยืดระยะเวลาของกิจการ และรอโอกาสที่จะปล่อยสินค้า ทั้งหมดนี้นักศึกษาผ่านปะสบการณ์จากเกมมาแล้วทั้งสิ้น หากเพียงนักศึกษา เข้าใจ ประโยคสั้น ๆ มองจากประสบกาณ์ในเกม มองจากประสบกาณ์ในโลกจริงๆ ก็จะเห็นว่า เราจะต้อง เปลี่ยนแปลงการบริหารจัดการในสภาพคล่องที่มีน้อยอย่างไร เช่น พยายามลดรายจ่าย โดยลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นก่อน, ของที่มีต้องใช้ให้คุ้ม ซึ่งเป็นหลักในการบริหารจัดการทั่วไป ที่เรียกว่า Utilization, พยายามปรับปรุงประสิทธิภาพของงานต่าง ๆ Optimization แต่อนิจจานักศึกษาที่ "เล่นแต่เกม" ไม่ได้เช้าใจ concept และ convert ไปสู่ เรื่องจริงผ่านจอได้ ก็มักจะเห็นเป็นประจำ (ดูกราฟด้านบนประกอบ) เมื่อเห็นนักศึกษาเล่นเกมโดยแทบจะไม่สนใจ "Cash on Hand" ในครั้งแรก ๆ ผมพอจะเข้าใจว่า คงเป็นเช่นเดียวกับผมเมื่อตอนสมัยยังวัยรุ่น ทว่า แปลกที่นักศึกษามีพฤติกรรม การ "จ่าย" ออก แบบไม่ "คิด" ให้ดี หรือ หกกขั้น Advance มากขึ้น เมื่อเป็นระบบ Accrual หรือ มีระบบ Credit ที่ทำให้ Cash flow ไหลออกเร็ว ไหลเข้าช้า และไม่สามารถหน่วงเงินสดให้อยู่ในมือได้นาน (ทั้งหมดนี้ ใครที่ไม่ได้เล่นแค่เกม จะพบว่า ประสบการณ์เหล่านี้ พบจากเกมทั้งสิ้น) เป็นเหตุผลในการเข้าใจว่า Credit Term คืออะไร AP; Account Payable และ AR; Accpunt Receiveable เกี่ยวข้องอะไร และเปลี่ยน "ทฤษฎี" ที่คุณต่างเคยเรียนจาก การเงิน 101 ให้เห็นภาภาพชัดขึ้น สุดท้ายฝากภาพนี้ไว้ เป็นภาพที่ผมชอบ มรสุมสยามต้องเข้าใจ ภาพนี้ให่่องแท้มากขึ้นนะครับ ขอขอบคุณภาพจาก http://christophersrevision.weebly.com/cash-flow.html น้ำในแทงก์ คือ ส่วนต่างระหว่าง Flow in (ยอดขาย) และ Flow Out (ค่าใช้จ่าย) ถ้าไหลออกมากกว่าไหลเข้า "ธุระ" จะ flush ไม่ลง รูรั่วในที่นี้ คือ ค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เมื่อน้ำในแทงก์มีไม่พอ ก็ทำ ภารกิจไม่สำเร็จ หรือทำได้โดยไม่มีประสิทธิภาพ เข้าใจบ้าง อย่าเล่นแต่เกม ถ้าไม่ได้เอาแต่เล่นเกม คุณจะค้นพบว่า MonsoonSIM สอนคุณในหลากหลายมิติ และให้โอกาสคุณได้ทดลองเห็นผลลัพท์ ซึ่งคุณคงไม่อยากให้เกิดในโลกจริง ๆ ได้ ผมขอฝากนักศึกษาว่า "อย่าเล่นแต่เกม" ให้กลับมาทบทวนว่า เกมได้สอนอะไรคุณบ้าง และเกมนี้จะช่วยให้คุณโตไปมีชีวิตที่ดีขึ้นอย่างไร
ใน MonsoonSIM มีการจัดการพื้นที่ของร้านค้า และพื้นที่ของคลังสินค้า ซึ่งจะมีจำนวน และความจุต่อพืนที่ รวมไปถึงค่าเช่า และค่าปรับพื้นที่ แตกต่างกันออกไปตามแต่ละ Configurations โดยมีค่า Configurations มาตรฐาน ดังนี้
Process MonsoonSIM จะอนุญาตให้ผู้ใช้งาน สามารถปรับขนาดพื้นที่ได้ โดยจะเพิ่มขึ้น หรือ ลดลง เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด โดย "คำขอในการปรับพื้นที่" จะถูกพิจารณาในรูปแบบของ Purchasing Requisition (PR) และจะต้องการการยืนยันเพื่ออนุมัติตามขั้นตอนการปฏิบัติงานทั่วไป ทำให้ PR กลายสภายเป็น Purchasing Order (PO) หากไม่ติดปัญหาในเรื่องสภาพคลองทางการเงิน พื้นที่จะเปลี่ยนแปลงไปใน MonsoonSIM ในวันรุ่งึ้น จนกว่าจะมีการเปลียนแปลง
และตั้งแต่ใน Version 7.x เป็นต้นมา มีการเพิ่ม function ในการจัดการ ต้นทุนค่าเช่าเพิ่มเข้าไป 2 ลักษณะดังนี้ ประเภทแรก คือ สัญญาการเช่าพื้นที่ (ดูภาพบนประกอบ) โดยใน MonsoonSIM มีลักษณะการเช่าพื้นที่ แบบต่าง ๆ 2 แบบ คือ 1) Daily Contract หรือ สัญญาแบบรายวัน ซึ่งจะไม่ได้รับส่วนลด ทว่ามีข้อดีคือ สามารถปรับพื้นที่ขึ้นลง ได้ในวันถัดไป ง่ายต่อการบริการพื้นที่ 2) สัญญาเช่า ในแบบช่วงระยะเวลา ซึ่งจะมีทางเลือกคือ 7 และ 30 วัน ซึ่งจะได้รับส่วนลดแตกต่างกันไป โดยมีข้อจำกัด คือ ในระหว่างสัญญาเช่า ตังแต่วันแรกที่สัญญามีผล (PO ถูก Approved) จนถึงวันสุดท้ายของสัญญา จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงพื้นที่เช่าได้ และ จะ Auto-renew ให้ จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงคำสั่งเรื่องค่าเช่า จะเกิดอพะไรขั้น หากท่านเปลี่ยนแปลงสัญญาช่า สัญญาเช่าที่ Approved แล้ว จะมีผลเมื่อสัญญาเดิมสิ้นสุดลง เช่น ในวันที่ 8 สัญญาเช่า ระยะ 7 วัน จะหมดลง ทว่าในวันที่ 6 ท่านได้ ยืนยันสัญญาเช่าใหม่ 30 วัน สัญญาเช่า 30 วัน ก็จะมีผลในวันที่ 9 ของเกมนับไปอีก 30 วัน โดย PO เมื่อ Approved แล้วจะเรียงคิว transaction และมีผลต่อเกม อย่างไรก็ตาม การได้รับค่าเช่าที่ลดลง หมายถึงต้นทุนการประกอบการจะลดลงไปด้วย ซึ่งเป็นผลดีต่อธุรกิจ การบริหารจัดการสินค้าคงคลังในแต่ละพื้นที่ ควรใช้แนวคิด Safety Stock ส่วนจะเลือกวิธีการให้นั้น ขึ้นอยู่กับวิธีการจัดการ เช่น จะใช้ Auto-Replenishment (ROP) หรือ จะใช้ BPO หรือ Suture Delivery หรือ การสั่งตรงสลับกับโปรแกรมเดิม นั้น แล้วแต่ผู้เล่น ประเภทที่สอง คือ การแปรผันของค่าเช่า ใน concept นี้ เพือให้ผู้ใช้ได้มีการวางแผน เพื่อการจัดการ "ค่าเช่า" คือเป็น หนึ่งใน Operating Expenses (OPEX) |
ชุดความรู้จาก MSIMผู้ใช้ MonsoonSIM สามารถที่จะฝากคำถามไว้ใน FB ของ MonsoonSIM TH แล้วคำถามของท่านเกี่ยวกับ MSIM จะได้รับคำตอบ โดยจะตอบจากพื้นฐานในเกมไปสู่การปรับใช้งาน หรือความเข้าใจในเชิงทฤษฎี |